- 15 ก.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด FB : Deeps News
เบิกฤกษ์ประเดิมคอลัมน์ใหม่บน “เว็บไซด์ทีนิวส์” ด้วยความมุ่งหวังสูงสุดของผู้เขียนเพื่อเติมเต็มความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ในรูปแบบต่าง ๆ สอดแทรกไปด้วยเรื่องราวนวัตกรรมใหม่ในโลกยานยนต์ที่กำลังได้รับความสนใจ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรบ้าง มีความน่าสนใจอย่างไร ต้องค่อย ๆ ติดตามกันต่อไปเรื่อย ๆ รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน ??
เริ่มต้นวันนี้เราจะไปดูหนึ่งในวิธีดูแลรักษารถ คือ การหมั่นตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการหลื่อลื่นช่วยปกป้องเครื่องยนต์จากความเสียหายอันเกิดจากเสียดสีของชิ้นส่วนภายในที่เคลื่อนไหวได้ หลายคนก็คงจะคิดในใจว่ามันจะไปยากอะไรกับการวัดน้ำมันเครื่อง ก็แค่ชักก้านวัดขึ้นมาดูให้ระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในระหว่างขีดบนกับขีดล่างก็เป็นใช้ได้แล้วมิใช่หรือ ก็ต้องขอตอบว่าถูกต้องไม่ผิดแต่อย่างใด??
แต่จะมีใครบ้างที่รู้ว่าในรถบางรุ่นบางยี่ห้อเขามีการระบุการวัดน้ำมันเครื่องในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ช่วงเวลาที่ว่านี้ไม่ใช่กลางวัน กลางคืนอะไรทำนองนั้น เป็นช่วงเวลาในการทำงานของเครื่องยนต์ หรือบางทีจะได้ยินพวกช่างเขาเรียกกันว่า “วัดตอนเครื่องร้อน หรือเครื่องเย็นนั่นเอง” เอ้า เราลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า เครื่องร้อน หรือเครื่องเย็นหมายความว่าอย่างไร
1)เครื่องเย็น หมายความถึง การปล่อยให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานมาเป็นเวลานาน จนน้ำมันเครื่องไหลลงมาอยู่ที่ก้นแคร้งก์จนเกือบหมด ซึ่งหากจะให้ชัวร์ก็จอดค้างคืนแล้วตื่นเช้ามาเช็คระดับน้ำมันเครื่องก่อนสตาร์ทเครื่องครั้งแรกนั่นเอง
2)เครื่องร้อน หมายความถึง การให้เครื่องยนต์ทำงานไปสักระยะ หรือขับรถออกไปใช้งานอย่างน้อย 30 นาที แล้วกลับมาจอดทิ้งไว้สัก 10-15 นาที เพื่อให้มีน้ำมันเครื่องอยู่ในระบบพอประมาณ แล้วจึงค่อยทำการวัด
โดยทั้งการวัดทั้ง 2 ลักษณะนี้ จะต้องจอดรถในระนาบกับพื้นไม่มีลาดเอียง ซึ่งระดับที่ถูกต้องน้ำมันเครื่องต้องอยู่ในระหว่างกลางขีดบนและล่างขึ้นไปโดยไม่จำเป็นต้องเต็มขึ้นมาถึงขีดบนเพียงอย่างเดียว ส่วนระดับที่ไม่ถูกต้อง คือ ต่ำจนใกล้หรือต่ำกว่าขีดล่าง และล้นจนเกินขีดบนขึ้นไป ความเสียหายของเครื่องยนต์ไม่ได้เกิดจากน้ำมันเครื่องขาดอย่างเดียว แต่น้ำมันเครื่องเกินก็ทำให้เสียหายได้ด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้นอย่านำคติที่ว่า “เหลือดีกว่าขาด” มาใช้กับการเติมน้ำมันเครื่องเด็ดขาด
ส่วนการที่เราจะรู้ว่าต้องวัดระดับน้ำมันเครื่องของรถเราตอน “ร้อน” หรือ “เย็น” นั้น คำตอบอยู่ที่คัมภีร์ประจำรถ หรือคู่มือประจำรถนั่นเอง ลองเปิดอ่านดูสักนิดจะทำให้เราได้รับความรู้ใหม่ ๆ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลรักษารถของเราเองมากที่สุด ซึ่งผู้เขียนเองมองว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่า บางคนที่เรียกตัวเองว่า “ช่าง” ที่มักจะทำตามความเคยชิน หรือเขาบอกให้ทำตามกันมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์โน่น ขอย้ำอีกครั้ง คู่มือประจำรถมีข้อมูลดี ๆ อยู่ในนั้นมากมาย หยิบอ่านกันสักนิดรับรองไม่ผิดหวัง !!!