บทเรียนฉาวซ้ำซาก!! ลึกไม่ลับ..ฉบับ“ฉาย  บุนนาค”ผ่าวงจรอุบาทว์จาก"EARTH"สู่ "PACE"สังคมอุปถัมภ์และสินเชื่อเสน่หา!?!

ลึกไม่ลับ..ฉบับ“ฉาย บุนนาค”ผ่าวงจรอุบาทว์จาก"EARTH"สู่ "PACE"สังคมอุปถัมภ์และสินเชื่อเสน่หา!?!

กลายเป็นเรื่องใหญ่ในแวดวงธุรกิจที่ส่งผลกระทบวงกว้างไปถึงภาคเศรษฐกิจแล้วในขณะนี้ กับปรากฎการณ์ข่าวจากให้สัมภาษณ์ของนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB ซึ่งออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะว่า ธนาคารได้จัดชั้นหนี้บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ  จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ด้วยยอดมูลหนี้รวมที่สูงถึง 12,000 ล้านบาท ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้ในส่วนดังกล่าวเต็ม 100% ในไตรมาส 2/60 ซึ่งแน่นอนการตัดสินใจดังกล่าว  ย่อมส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคารในไตรมาสนี้???

ต่อประเด็นดังกล่าว  “ฉาย บุนนาค”  หนึ่งในผู้คร่ำหวอดวงการตลาดหุ้นได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมถึงปรากฎการณ์ข่าวที่เกิดขึ้นผ่านคอลัมน์  “พอเพียงอย่างพอใจ”  ว่า “ ภายหลังจากบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ประกาศผิดนัดชำระตั๋วแลกเงิน  (Bill of Exchange) หรือ ตั๋ว BE ตามด้วยการผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อวงเงินกว่า 1 หมื่นล้าน ต่อธนาคารกรุงไทยและธนาคารพาณิชย์อีก 2 แห่ง ส่งผลให้เกิดความรู้สึก "ช็อค" และ "หวาดกลัว" ต่อนักลงทุนทั้งในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ ... ทั้งรายย่อยและทั้งสถาบัน... ทั้งในและนอกประเทศ

นานาความคิดเห็น การวิเคราะห์และคำครหาถูกแลกเปลี่ยนและนำเสนอสู่วงกว้าง... ว่าบริษัทที่กำไรและปันผลสม่ำเสมออย่าง EARTH เกิดอะไรขึ้น?

 

สาเหตุที่แท้จริงมาจากอะไรกันแน่... จากธุรกิจไม่ดี หรือ ผู้ถือหุ้นไม่โปร่งใส หรือ ผู้บริหาร EARTH บริหารผิดพลาด ... หรือ ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยชุดใหม่อยากเช็กบิลผู้บริหารชุดเก่า?!?


ไม่มีใครรู้แน่ชัดนอกจากลูกหนี้และเจ้าหนี้... ต่างฝ่ายต่างพูด ต่างฝ่ายต่างโยนความผิด... แต่ที่แน่ๆ คือ หากคุณทำธุรกิจ Trading แล้ววันนึงสถาบันการเงินฟ้าผ่ามาตัดวงเงินคุณ ... คุณก็คงมีปัญหาเช่นเดียวกัน!! แต่ที่แน่ๆ EARTH คงไม่ใช่บทเรียนสุดท้ายของบริษัทเบี้ยวหนี้ที่จะสร้างความเสียหายให้กับธนาคารของรัฐและธนาคารยักษ์ใหญ่หลายรายในประเทศ...


PACE (บมจ. เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีความเสี่ยงไม่ต่างกับ EARTH  จากหนี้ที่มีสัดส่วนสูงกว่า 28 เท่าของทุน   จากผลประกอบการที่ขาดทุนต่อเนื่องกว่า 5 ปี รวม 5.8 พันล้านบาท  จากส่วนผู้ถือที่เหลือเพียง 1 พันล้าน  จากหนี้สินที่มีกว่า 2.8 หมื่นล้าน ...

 

หนี้สิน 2.8 หมื่นล้าน = ภาระดอกเบี้ยประมาณ 1.6 พันล้าน = อีกไม่ถึง 1 ปี PACE อาจจะล้มละลาย? การเพิ่มทุนหรือรายได้จากการโอนโครงการอสังหาฯ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างที่สุดในปีนี้ ที่แน่ๆ คือ ณ ขอบเหวนี้คงมิใช่เพียงลูกหนี้ (PACE) เท่านั้นที่ขาสั่นเป็นแน่ เพราะเชือกแห่งความสัมพันธ์และสายใยแห่งอุปถัมภ์ได้ผูกไว้กับเจ้าหนี้หมื่นล้านอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)...

 

เหตุใดสินเชื่อความเสี่ยงสูงนี้จึงเล็ดลอดขั้นตอนการกลั่นกรองของ SCB ไปได้... แม้กระทั่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งจดหมายภายในขอให้ชี้แจงและแสดงความเป็นห่วงมาแล้วหลายฉบับ หลังสอบถามข้อมูลจึงได้พบว่า ลูกค้า VIP อย่าง PACE ไม่ได้อยู่ในความดูแลของแผนกสินเชื่อ หากแต่อยู่ในฝ่าย Capital Market ผ่านทีม Investment Banking ซึ่งเป็นฝ่ายที่คุณอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB ถนัด...

 

การจ่อผิดนัดชำระหนี้ตั๋ว BE ของ PACE ก่อนหน้านี้ กว่า 3 พันล้านจึงคล้ายกับ EARTH แตกต่างเพียง EARTH คือลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ไม่เกื้อหนุนแล้ว แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ PACE ยังมีความสัมพันธ์พิเศษกับเจ้าหนี้อยู่...ใบบัวจึงปิด (เกือบมิด)...

 

หากเดาไม่ผิด วงเงินสินเชื่อ และ Risk Exposure ของ SCB น่าจะมีราวๆ 1.3 หมื่นล้าน ณ ปัจจุบัน... ที่มาของกระดาษไม่กี่แผ่น ที่เรียกว่าบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง PACE และ CITIC กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ด้านก่อสร้างจากจีน... คือเรื่องจริงหรือการหา STORY สร้างความชอบธรรมให้ SCB ในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มหรือไม่ คือสิ่งที่เราต้องรอดู?

 

ทฤษฎีมากมายระบุว่าอดีตบ่งบอกความน่าจะเป็นของอนาคต... ที่ผ่านมา ชื่อ CITIC ถูกหยิบยกมาใช้สร้าง STORY มากมายหลายครั้งในตลาดหุ้นไทย... ให้เลือดลมนักเล่นหุ้นสูบฉีดและให้เกิดความหวังและความฝัน เช่นปี 2548 มหากาพย์ TPI ก็เคยมีชื่ีอ CITIC มาร่วมอยู่เช่นเดียวกัน สุดท้ายก็ไม่จบ โดยครั้งนั้นก็มีบันทึกข้อตกลงเช่นเดียวกัน...!!

 


ที่มา  :   คอลัมน์ : พอเพียงอย่างพอใจ /หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ