ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

วันที่ 26/2/61 เวลา 10.00 น. น.ส.จีระพันธ์ จุลพันธ์ และนายยอดมงคล ทรัพย์ไพศาลสุข ทนายความ เดินทางมาพบผู้การที่กองปราบปราม ณ กองปราบปราม เพื่อขอคืนของกลางที่ถูกอายัดไว้ตั้งแต่วันที่ 10 ก .ค.56

     น.ส.จีระพันธ์ จุลพันธ์ กล่าวว่า  ของกลางไม่มี เป็นเหตุให้นางผาติรัตน์ถูกดำเนินคดีเมื่อปี58 โดยอัยการสั่งฟ้อง เพราะไม่มีของกลางมายืนยัน ที่เพชรไปอยู่ที่นางผาริรัตน์ได้เพราะมีหนังสือราชการแจ้งจากหน่วยงานราชการแจ้งว่านางผาติรัตนไปรับของกลางที่กอบบังคับการไปส่งพิสูจน์ จากสถาบันอัญมณีเนื่องจากทางกองปราบได้ส่งไปพิสูจน์ โดยนางสาวผาติรัตน์ไปรับเองแล้วไม่คืนพนักงานสอบสวน โดยกองปราบก็ได้ดำเนินคดีกับนางสาวผาติรัตน์ แต่เหตุผลคือของกลางมันคือของตน แต่ตนและครอบครัวต้องได้รับความเดือดร้อนมาตลอดระยะเวลา 5 ปี โดยถูกสังคมกล่าวหาว่าครอบครัวตนผิดและยักยอกเพชรจากนางสาวผาติรัตน์ ซึ่งความจริงมันเป็นเท็จ โดยได้ต่อสู่คดีมาตลอด5ปี ยึดทั้งเพชรและทองไปทั้งหมด11รายการ มูลค่า6ล้านบาท แต่นางสาวผาติรัตน์แจ้งไว้11ล้านบาทไม่เป็นความจริง ซึ่งวันนี้ความจริงได้ปรากฎขึ้นรวมถึงคดีของตนก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ทั้งนี้ พนักงานอัยการ แผนกคดีพิเศษ ไม่ฟ้องคดีของตนแล้ว ตนจึงมาติดตามของกลางที่ถูกยึดไปก่อนหน้านี้คืนและจะดำเนินคดีกับพวกที่กล่าวหาตนเเละครอบครัวลำดับต่อไป ทั้งนี้ในส่วนของ นายอัจฉริยะที่เข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้เพราะ

นักธุรกิจเพชร จี้กองปราบทวงเพชรของกลาง คดีปี 56 มูลค่ากว่า 6 ล้าน คืน เผยโดนสังคมประณามว่าตนผิดและยักยอกเพชร!!!!

นักธุรกิจเพชร จี้กองปราบทวงเพชรของกลาง คดีปี 56 มูลค่ากว่า 6 ล้าน คืน เผยโดนสังคมประณามว่าตนผิดและยักยอกเพชร!!!!

นางสาว ผาติรัตน์ ไปออกรายการปากโป้ง กล่าวหาพี่จิรพันธ์ในข้อหายักยอกอมเพชร พูดในลักษณะให้ตนนั้นเสียหาย โดยข้อเท็จจริงตนไม่ได้กระทำความผิด มีการตรวจสอบโดย ผู้บัญชาการ กิติราช หนองหารพิทักษ์ มีคำสั่งให้พลตำรวจ ชวลิต แสวงพืชน์ พนักงานสืบสวนเรื่องนี้แล้วส่งไปอัยการลงความไม่ฟ้อง โดยที่มากองปราบก็ได้ส่งมอบให้นางสาวผาติรัตน์ไปโดยมีการทำสัญญามอบให้นางผาติรัตน์ไปแล้วต่อมาตำรวจก็มีหมายเรียกให้นางสาวผาติรัตน์นำของกลางมา โดยนางสาว ผาติรัตน์ก็ได้นำมาที่กองปราบ แล้ววันรุ่งขึ้น นางสาวผาติรัตน์ก็นำเพชรไปอีกครั้งหนึ่ง ในส่วนสำนวนของนางสาวผาติรัตน์ที่กองปราบสั่งฟ้องนั้น อันนี้ไม่ทราบเพราะตนนั้นติดตามคดีของตนเองอยู่ ที่มาในวันนี้เพราะ อยากมาติดตามของกลางคืนถึงแม้ว่าจะไม่ได้ของกลางคืนก็จะมีการปรึกษากับทางกองปราบว่าจะมีการดำเนินการเช่นไรต่อไป 

นักธุรกิจเพชร จี้กองปราบทวงเพชรของกลาง คดีปี 56 มูลค่ากว่า 6 ล้าน คืน เผยโดนสังคมประณามว่าตนผิดและยักยอกเพชร!!!!
ทั้งนี้ถ้าเกิดเพชรเกิดความเสียหายที่จึงจะต้องมีหลักประกัน แต่ในกรณีของตนนั้นไม่มีหลักประกันใดๆเลยมีเพียงสัญญารับมอบและไม่มีของกลางอยู่แล้ว รวมถึงขอบคุณตำรวจกองปราบทุกท่านที่ช่วยดำเนินการเรื่องคดี 

นักธุรกิจเพชร จี้กองปราบทวงเพชรของกลาง คดีปี 56 มูลค่ากว่า 6 ล้าน คืน เผยโดนสังคมประณามว่าตนผิดและยักยอกเพชร!!!!

นายยอดมงคล ทรัพย์ไพศาลสุข ทนายความ กล่าวว่า ในวันนี้จะมารับของกลางคืน ถ้าไม่สามารถคืนได้ก็จะมีการพิจารณา ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ในส่วนการยึดของกลางของพนักงานสอบสวนถึงแม้คดีจะไม่แล้วเสร็จนั้นถือว่ามีความผิดหรือไม่นั้น โดยปกติแล้วการให้ของกลางแก่คนภายนอกไปนั้นจะต้องเป็นของที่ใช้แล้วอะไรที่มันคงรูป เช่น รถยนต์ แต่เพชรมันสามาถสลับปรับเปลี่ยนกันได้โดยง่าย ซึ่งมันไม่สามารถที่จะมอบให้บุคคลภายนอกได้
ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่นำเพชรให้บุคคลภายนอกไปนั้นอาจจะมีเจตนาพิเศษอะไรหรือไม่ เพราะการได้เพชรคืนมานั้น มันยากต่อการพิสูจน์ว่าเป็นอันเดิมหรือไม่ โดยปกติแล้วการส่งมอบของกลางให้บุคคลภายนอกนั้นมันได้แค่เพียงบางกรณีเท่านั้น เช่น รถยนต์ แต่ถ้าเป็นของบางอย่างที่ไม่สามารถตรวจสอบได้เช่น พวกเพชรก็อาจจะอายัดไว้ที่โรงจำนำก็เป็นได้ โดยปกติของที่สามารถสับเปลี่ยนได้ส่วนใหญ่ก็จะอายัดไว้กลางปราบ 

นักธุรกิจเพชร จี้กองปราบทวงเพชรของกลาง คดีปี 56 มูลค่ากว่า 6 ล้าน คืน เผยโดนสังคมประณามว่าตนผิดและยักยอกเพชร!!!!
    ทั้งนี้ถ้าไม่ได้ของกลางคืนก็จะดำเนินกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่กองปราบที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่แจ้งความเท็จและผู้ที่นำเพชรไปแล้วไม่นำมาคืนก็จะดำเนินการทุกฝ่ายอาจจะหมายถึงโรงรับจำนำด้วย

นักธุรกิจเพชร จี้กองปราบทวงเพชรของกลาง คดีปี 56 มูลค่ากว่า 6 ล้าน คืน เผยโดนสังคมประณามว่าตนผิดและยักยอกเพชร!!!!

ทั้งนี้ในส่วนของคดีดังกล่าวนั้น สืบเนื่องมาจากการที่ นางสาว ผาติรัตน์ ซึ่งเป็นลูกจ้างอยู่ในร้านเพชรของนางสาว จีระพันธ์ ที่อยู่ร้านเพชรมักจะนำเพชรจากข้างนอกมาเสนอขาย นางสาว จีระพันธ์ อยู่เสมอ ซึ่งเพชรที่มีปัญหากันอยู่ขณะนี้ อดีตตอนปี56 เพชรชุดนี้อยู่ในโรงรับจำนำมานานก่อนที่จะเกิดเรื่องแล้วต่อมานางสาว ผาติรัตน์จึงแอบอ้างว่าเพชรดังกล่าวเป็นของตน ต่อมาจึงมีดำเดินคดีต่างๆและสืบหาข้อเท็จจริงๆต่างๆเกิดขึ้นเพราะนางสาว จีนะพันธ์ มีหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของ แต่นางสาวผาติรัตน์ไม่มี กว่าเรื่องจะจบก็5ปีประกอบกับเพชรที่นำมาให้ตำรวจนั้นได้หายไปซึ่งก็สงสัยพนักงานสอบสวนของกองปราบท่านหนึ่งยศตำรวจโทที่มาร่วมทำคดีขณะนั้น ซึ่งขณะนี้เพชรดังกล่าวก็ได้หายไปแล้ว หลังจากนี้ทางผู้เสียหายจะดำเนินการกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด