ผลงานสุดยอด !! "ตร.ท่องเที่ยว" ผนึกกำลัง "ตร.ดูไบ" ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ กลางเมืองดูไบ (มีคลิป)

ตำรวจท่องเที่ยว ประสานความร่วมมือ สำนักงานใหญ่ตำรวจดูไบ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ เครือข่ายฉีเคอ กลางเมืองดูไบ  
 
​  ​ตามนโยบายรัฐบาลและการปฏิบัติการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามเครือข่ายแก็งคอลเซ็นเตอร์และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่หลอกหลวงประชาชนได้รับความเดือดร้อน
     ​​พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้จัดตั้งศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศป.ฉปทน.ตร.)โดยมีพล.ต.อ.ธนิตศักดิ์  ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.เป็น ผอ.ศูนย์ฯ มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์    หักพาล รองผบช.ทท. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ ได้ทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง  และจากการสืบสวนขยายผลการจับกุม นายฉีเคอ ผู้ต้องหาชาวไต้หวัน ซึ่งถูกตำรวจจับตัวได้ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ และได้ติดตามจับกุม

โปรแกรมเมอร์ชาวไต้หวันซึ่งเพิ่งเดินทางจากดูไบมายังประเทศไทยเพื่อทำหน้าที่คอยตระเวนกดเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชน และได้ขยายผลจนสืบทราบว่ามีเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์  ตั้งอยู่ที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จึงได้ประสานความร่วมมือผ่าน นายรังสรรค์ ศรีมังกร รองกงศุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ  
​       ต่อมาวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๑ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท./ หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ พร้อมด้วย  พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.๑ บช.ทท., พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.๑ บช.ทท., พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.๒ บช.ทท., พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.บช.น. , พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ตม.จว.จันทบุรี/รอง โฆษก ตร., พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิศมัย รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง,พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.บช.น. ,พ.ต.ท.นฤวัต  พุทธวิโร สว.งานสายตรวจ ๑ กก.สายตรวจ บก.สปพ.บช.น.,     พ.ต.ท.ศิลา ตันตระกูล สว.ส.ทล.๒ กก.๓ บก.ทล.บช.ก.,พ.ต.ต.พรชัย สุขเจริญ สว.สส.สน.วัดพระยาไกร , ร.ต.อ.นที   คุ้มล้วนล้อม สว.งานสายตรวจ ๒ กก.๑ บก.จร. ,ร.ต.ต.สถาพร เทศบรรทัด รอง สว.(อก.) ฝอ.๖ บก.อก.บช.ทท. ร่วมประชุมหารือ ณ สำนักงานใหญ่ตำรวจดูไบ โดยมี พล.ต.อับดุลลา   คาลีฟา อัลมารี  ผู้บัญชาการตำรวจดูไบให้การต้อนรับ โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูล หลังสืบทราบว่าได้มีแก๊ง call center ตั้งอยู่ยังคอยหลอกลวงประชาชนคนไทยอยู่

​​หลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือ  พล.ต.อับดุลลา คาลีฟา อัลมารี ได้นำ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล และคณะเข้าเยี่ยมชม ห้อง CCOC  ,  ศูนย์วิเคราะห์อาชญากรรมของเมืองดูไบ เพื่อวางแผนในการเข้าปฏิบัติการในครั้งนี้
 
 
     ​​นอกจากนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ยังได้นำคณะทำงานเยี่ยมชม smart police station เป็นระบบแจ้งความเป็นหลักฐานเบื้องต้นเช่น เอกสารหายและยังสามารถแจ้งเป็นเบาะแสยาเสพติดแหล่งมั่วสุมยาเสพติดรถต้องสงสัยโดยสามารถแชร์โลเคชั่นที่จุดตรวจเหตุเกิดเหตุได้เลยทันที และจะแจ้งข้อมูลไปยังศูนย์ CCOC เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานของตำรวจในการดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป
​      ต่อมา ภายใต้การประสานงานความร่วมมือของตำรวจไทยและตำรวจดูไบ เมื่อเวลาประมาณ ๒๓.๐๐ น. ของวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๑ ตำรวจดูไบและตำรวจไทยได้บุกเข้าตรวจค้นภายในบ้านหรู ๒ ชั้นครึ่ง เลขที่ ๒๑ หมู่บ้าน วากา ๔ ถนนวากา ๒๗ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากทางตำรวจไทยได้มอบข้อมูลสถานที่ตั้งศูนย์สั่งการคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว  
        ​​จากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าว พบอุปกรณ์ทั้งโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์ พร้อมทั้งบัญชีรายชื่อเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ที่ยังอยู่ระหว่างการสื่อสารเพื่อรอโอนเงิน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบโพยรายชื่อเหยื่อและรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงรวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อในแต่ละสายงาน
        ​​นอกจากนี้ยังพบคนไทย ทำหน้าที่เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเต็มใจมาทำภายในบ้านหลังดังกล่าว ๒๓ คน และชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมอีก ๑ คน โดยรายละเอียดยังไม่สามารถนำมาเปิดเผยเปิดเผยได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลของเจ้าที่ตำรวจ
        ​​พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. อธิบายว่า นายฉีเคอผู้ต้องหาได้รวบรวมพนักงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้วจัดส่งให้เดินทางมาเช่าบ้านเดี่ยวหรูแห่งนี้ มีชาวไต้หวัน ทำหน้าที่คอยควบคุมดูแลโดยทำมาประมาณ ๖ เดือน เงินหมุนเวียนกว่า ๕๐ ล้านบาท โดยประมาณต้นเดือน มีนาคม ๒๕๖๑ แก๊งดังกล่าวนี้เพิ่งหลอกคนไทย ๗ ราย ได้เงินไปกว่าล้านบาท ซึ่งมีผู้เสียหายในพื้นที่ สน.เตาปูน ดินแดง เมืองสมุทรปราการ คลองตัน ฝาง ปราณบุรี และเมืองขอนแก่น โดยสามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้เปิดบัญชี ๓ คน ผู้รวบรวมบัญชี ๑  คน และคนกดเงิน ๓ คนได้   รวมจำนวน ๗  คน
      ​​การทำงานของแก๊งนี้มีการนำเทคโนโลยีพิเศษมาใช้ หลังจากหลอกเหยื่อสำเร็จแล้ว จะวางอุบายเพื่อขอ OTP จากบัญชีธนาคารของเหยื่อ แล้วหลอกให้อ่านข้อความที่ธนาคารแจ้งยืนยันมา เมื่อเหยื่อบอก OTP ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ จะนำ OTP นี้เข้าโปรแกรมดัดแปลงทำให้คอมพิวเตอร์เปรียบเสมือนเป็นมือถือเครื่องหนึ่ง เข้าบัญชีธนาคารของเหยื่อแล้วโอนเงินออกไปยังปลายทางที่แก๊งเตรียมไว้จนหมด เช่น bitcoin หรือบัญชีอื่นๆ แล้วถอนเงินออก นำส่งหัวหน้าแก๊งเพื่อแบ่งเงินตามเปอร์เซ็นต์ที่ได้ตกลงกันไว้ภายในกลุ่มแก๊ง
      ​​สำหรับนายฉีเคอชาวไต้หวันเป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุหลบหนีอยู่ในประเทศไทยประมาณ ๒๐ ปี ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งไม่สามารถเดินทางกลับประเทศตัวเองได้เนื่องจากมีประวัติต้องคดีที่ประเทศไต้หวัน ทำหน้าที่คอยรวบรวมคนเข้ามาทำงานคอลเซ็นเตอร์ รวบรวมบัญชีที่ใช้กดเงิน ถือเป็นผู้บริหารระดับสูงภายในแก๊ง
 
 
 
      ​​ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.พร้อมคณะทำงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์  ได้เข้าหารือกับผู้บัญชาการตำรวจดูไบ เพื่อประสานข้อมูลที่ตำรวจไทยได้แกะรอยแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทางการดูไบเป็นอย่างดี  จนทำให้เราสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง และจะดำเนินการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องอีก   รวมทั้งขอรับตัวคนไทยทั้งหมดกลับประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
​​ในการปฏิบัติการครั้งนี้ถือว่าเป็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใกล้มาถึงจุดจบแล้ว เหลือกลุ่มที่เป็นเครือข่ายอีกไม่กี่กลุ่มซึ่งทางชุดปฏิบัติการจะดำเนินการปราบปรามให้หมดสิ้นต่อไป

​​สรุปผลการประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศ จำนวน ๔ ครั้ง
​​ครั้งที่ ๑ ประเทศมาเลเซีย ​​เมื่อวันที่ ๒๖ ม.ค.๒๕๖๑
​​จับกุมผู้ต้องหา จำนวน  ๕  คน  
​​เป็นคนไต้หวัน   ๓  คน, คนมาเลเซีย  ๒  คน
​​ครั้งที่ ๒ ประเทศกัมพูชา​​เมื่อวันที่ ๑๖ ก.พ.๒๕๖๑
​​จับกุมผู้ต้องหา จำนวน ๓๗ คน
​​เป็นคนไต้หวัน ๖ คน, คนไทย ๒๖ คน และ คนกัมพูชา ๕ คน
​​ครั้งที่ ๓ ประเทศมาเลเซีย​​เมื่อวันที่ ๒๐ ก.พ.๒๕๖๑
​​จับกุมผู้ต้องหา จำนวน ๑๖ คน
​​เป็นคนไต้หวัน ๕ คน และคนไทย ๑๑ คน
​​ครั้งที่ ๔ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  เมืองดูไบ  เมื่อวันที่ ๑๙ มี.ค.๒๕๖๑
​​จับกุมผู้ต้องหา  จำนวน ๒๔ คน
​​เป็นคนไต้หวัน ๑ คน และคนไทย ๒๓ คน
​​รวมจับกุมผู้ต้องหา ทั้งสิ้น   ๘๒ คน
​​เป็นคนไต้หวัน ๑๕ คน, คนไทย ๖๑ คน, คนมาเลเซีย ๒ คน และคนกัมพูชา ๕ คน
 

 
​​​​​ผลการดำเนินคดีเครือข่ายนายฉีเคอ
 
​​เมื่อวันที่  ๒๗ ธ.ค.๖๐ ชุดปฏิบัติการของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ได้ทำการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่ายนายฉีเคอ ในพื้นที่ สภ.บางพลี  โดยทำการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 3 จุด คือ
๑.บ้านเลขที่ ๓๐๖/๒๙๘-๒๙๙ หมู่ ๑๑ หมู่บ้านหรูย่าน ต.บางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
๒.อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง บนถนนสุขาภิบาล ๕ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
๓.บ้านเลขที่ ๓๐๖/๑๖๘-๑๖๙ หมู่บ้านหรูย่าน ต.บางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
จับกุมผู้ต้องหาในที่เกิดเหตุได้  ​จำนวน   ๖  คน
และขยายผลออกหมายจับเพิ่มเติม ​จำนวน ๔๕   คน
รวมจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งหมด  ​จำนวน ๕๑   คน
 
พร้อมของกลาง
​สมุดบัญชี จำนวน ๗๗ เล่ม บัตรเอทีเอ็ม ๕๖ ใบ โทรศัพท์มือถือ ๑๓ เครื่อง รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ทะเบียน ธน-๕๕๖ กทม.ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการกดเงิน และของกลางอื่นๆ จำนวนมาก

ผลการดำเนินการ
​พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง เสนอสำนวนไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว เมื่อวันที่ ๑๒  มี.ค. ๒๕๖๑  ที่ผ่านมา