ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

          กลายเป็นประเด็นที่กำลังถกเถียงกันในสังคมตอนนี้กับกรณีการลงโทษ นักโทษผู้ทำผิดในคดีเกี่ยวกับการใช้กำลัง ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือคนแก ให้ถึงกับความตาย

มีบทลงโทษให้ประหารชีวิต ด้วยการฉีดยา โดยเริ่มต้น คดีของนักโทษชายธีรศักดิ์ ที่จี้ชิงทรัพย์ หนุ่มรายหนึ่ง พร้อมกระหน่ำแทงเหยื่อ อย่างทารุณ 24 แผล

จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต  เมื่อต่อสู้คดีจนถึงที่สุดศาลจึงพิจารณาให้ประหารชีวิตด้วยการฉีดยา นับว่า นักโทษชายรายนี้ ถือเป็นรายแรกในรอบ 9 ปี 

ที่โทษประหารหายไป

 

 

       หลังจากประหารนักโทษโดยการฉีดยาแล้ว มีกลุ่มนักสิทธิมนุษยชน เข้สมาเรียกร้องให้ยุติ การลงโทษด้วยการประหารชะ เพราะถือว่าการใช้ความรุณแรง

นั้นไม่สามารถแก้ไข้ปัญหา ให้จบลงได้ ควรหาทางออกใหม่กับบทลงโทษนี้ ล่าสุด เพจแหม่มโพธิ์ดำ ไดออกมาโพสต์คลิปนักสิทธิมนุษยชน พร้อมระบุว่า...

 

แล้วชีวิตแม่กับน้องผมล่ะ?? แหม่มโพธิ์ดำโพสต์ ข้อความสุดเจ็บปวด อดีตเหยื่อผู้สูญเสียจากคดีฆาตกรรม ฝากคำถามนักสิทธิมนุษยชน กูเหมือนตายทั้งเป็น

 

         นักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนตั่งต่างมาต่อต้านการประหารแล้วจ้ะ เพราะการประหารครั้งนี้ในรอบเก้าปี ทำให้โทษประหารที่จะถูกยกเลิกเลื่อนเวลาออกไปโดยอัตโนมัติเพราะไม่มีการประหารเกินสิบปีจบลง นับ 1 ใหม่เตงคิดไงมั่ง ใครคิดว่าการประหารไม่ได้ช่วยอะไรอย่างกลุ่มต่อต้านว่า หรือ คงโทษประหารเอาไว้เพื่อตาต่อตา ฟันต่อฟันดี

 

 

ทั้งนี้เพจแหม่มโพธิ์ดำได้หยิบยก กรณีของเคส ผู้ถุกฆาตกรรมเคสหนึ่ง พร้อมระบุว่า...

 

แล้วชีวิตแม่กับน้องผมล่ะ?? แหม่มโพธิ์ดำโพสต์ ข้อความสุดเจ็บปวด อดีตเหยื่อผู้สูญเสียจากคดีฆาตกรรม ฝากคำถามนักสิทธิมนุษยชน กูเหมือนตายทั้งเป็น

 

จากใจครอบครัวเหยื่อถูกฆาตกรรม ถึงนักสิทธิมนุษชน
และฝากถึงพวกว่าที่นักโทษทั้งหลาย ว่าพี่ๆในคุก
เค้าเกลียดพวกก่อคดีกับเด็กและผู้หญิงเป็นที่สุด
เข้าไปนี่เจอรับน้องหนักมาก แทบปางตาย ตกนรกทั้งเป็น

ปล ภาพนี้ขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนำมาลงเรียบร้อยแล้ว

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

 

แล้วชีวิตแม่กับน้องผมล่ะ?? แหม่มโพธิ์ดำโพสต์ ข้อความสุดเจ็บปวด อดีตเหยื่อผู้สูญเสียจากคดีฆาตกรรม ฝากคำถามนักสิทธิมนุษยชน กูเหมือนตายทั้งเป็น

 

 

          ขณะเดียวกันเมื่อวานที่ผ่านมา 19 มิถุนายน 2561 ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การประหารชีวิตยังเป็นการลงโทษที่มีอยู่ในกฎหมายของไทย ถือเป็นความจำเป็นของเราเอง และเป็นความต้องการของประชาชนด้วย เพราะจากการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนว่า ควรจะยกเลิกโทษประหารชีวิตหรือไม่นั้น พบว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรให้มีอยู่ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกอย่างเป็นตามไปกฎหมาย และขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันในปัจจุบันมีคดีร้ายแรงหลายคดีเกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุขและเป็นบทเรียนสอนใจด้วย  (มีคลิป)

  
        สำหรับในประเทศไทยหากมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการประหารมาเป็นการฉีดยานั้น ขั้นตอนการประหารจะแตกต่างจากในสหรัฐเพราะการประหารชีวิตของไทยจะกระทำโดยทันทีที่ได้รับคำสั่ง โดยปกติจะเป็นเวลาเย็น นักโทษประหารจะไม่รู้ตัวล่วงหน้า เมื่อเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปในแดนประหารและนำตัวผู้ใดออกมา เมื่อนั้นจึงจะรู้ตัว และเมื่อผ่านพิธีการด้านการตรวจสอบบุคคล พิธีกรรมทางศาสนาและอื่นๆแล้ว จะถูกนำตัวเข้าสู่แดนประหารซึ่งในช่วงนี้แทนที่จะเป็นการนำไปผูกกับหลักประหาร ก็เปลี่ยนเป็นการนำไปสู่เตียงประหาร นั่นเอง

 

         ทั้งนี้ การเปลี่ยนจากการประหารชีวิตโดยการยิงเป้ามาเป็นการฉีดยานั้น อาจทำได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมากนัก เพราะสามารถใช้ห้องประหารในเรือนจำกลางบางขวางเช่นเดิมหาฉากกั้น จัดหาเตียงและสายหนังรัด และจัดอุปกรณ์เข็มและเครื่องฉีดยาเพิ่มเติม ค่าใช้จ่ายในการประหารแต่ละครั้งโดยเฉพาะค่ายาจะถูกกว่าค่าลูกกระสุนปืน ที่ใช้ในการยิงเป้า