ไม่ทันสมัครก็สอบตกแล้ว "อนุทิน"พูดมาได้ไง แผนพัฒนา EEC ฝนตกไม่ทั่วฟ้า

ไม่ทันสมัครก็สอบตกแล้ว "อนุทิน"พูดมาได้ไง แผนพัฒนา EEC ฝนตกไม่ทั่วฟ้า

เรียกได้ว่า “วาทกรรม” กับ “นักการเมือง” เป็นของคู่กัน  ล่าสุดเป็นกรณีของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  ได้ออกมาแสดงโจมตี

โครงการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี หนึ่งอภิมหาโปรเจกท์ที่รัฐบาลตั้งใจจะพัฒนาเศรษฐกิจไทย ที่จะดึงดูเม็ดเงินลงทุนมหาศาลและเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ 

 

แต่นายอนุทิน นั้นกลับมอง การพัฒนา อีอีจี เป็นการพัฒนาเพียงแค่ภาคตะวันออก  ไม่ได้พัฒนาภาคอื่นๆ เปรียบเสมอ “ฝนตกไม่ทั่วฟ้า”  ระบุว่า...

EEC ทำให้คน 3 จังหวัดรุ่มรวย แล้วอีก 70 กว่าจังหวัดที่เหลือ ได้อะไรกลับคืนมา ?

ถูกต้องที่สุดครับ ได้เวลาที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านนี้เมืองนี้ "ต้อง" เลิกแก้ปัญหาฉาบฉวย มองคนรวยต้องมาก่อน แล้วย้อนกลับไปมองปัญหารากหญ้า

มองว่าพวกเขาเป็นพื้นฐานการพัฒนาประเทศ

แล้วหาทางยกระดับชีวิตความเป็นอยู่เขาเถอะครับ

ถ้าเขามีความสุข "ชาติ" ก็มีความสุข

 

ไม่ทันสมัครก็สอบตกแล้ว "อนุทิน"พูดมาได้ไง แผนพัฒนา EEC ฝนตกไม่ทั่วฟ้า

 

การออกมากล่าวเช่นนี้ของ นายอนุทิน แปลความหมายได้เเพียง สองอย่างเท่านั้น อย่างแรก แสดงถึงความตื้นเขิน  ความคับแคบ คว่าล่าหลังทางความคิดสติปัญญา  หรืออย่างที่ จงใจที่จะโจมตีรัฐบาล และสนใจว่า สิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องโกหก บิดเบือนอย่างไร

 

เพราะในข้อเท็จจริงภายใต้โครงการ อีอีซี โดยความดูแลของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมากมาย โดยเฉพาะ ระบบโลจิสติกส์ ภาคการขนส่งก็มีครบทั้ง ทางบก น้ำ อากาศ และระบบราง มีการพัฒนาต่อยอดเล็งเปิดระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ อีสาน และใต้ 

 

เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามข้อเสนอของเอกชน 5 ด้าน 34 โครงการ มูลค่า 2 แสนล้านบาท ในการผลักดัน”โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้” เนื่องจากภาคใต้เป็นจุดภูมิศาสตร์สำคัญ และที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามเดินหน้าระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้มาโดยตลอด โดยครม. เห็นชอบริเริ่มพัฒนาพื้นที่จุดเริ่มต้นใน 4 จังหวัด คือ ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เพื่อเชื่อมต่อไปยังภาคใต้

 

สำหรับจ.ชุมพร จะเร่งพัฒนาโครงการท่าเรือ เพื่อให้เกิดเส้นทางการค้าขนส่งทางเรือในภูมิภาค จ.สุราษฎร์ธานี และจ.นครศรีธรรมราช เร่งพัฒนาด้านการเกษตร เพราะมีการปลูกปาล์ม และยางพารา ส่วนจ.ชุมพร พัฒนาด้านการท่องเที่ยว และสินค้าเกษตร โดยรวมเป็นระเบียงเศรษฐกิจภายใต้ เชื่อมโยงกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

 

โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันโครงการรถไฟทางคู่เชื่อมโยงจากอีอีซี ถึงชุมพรและระนอง ซึ่งเป็นระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ รวมทั้งการก่อสร้างและพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งอ่าวไทย (Thailand Riviera) เพื่อพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่ง ที่อยู่ในขั้นตอนการขับเคลื่อน

ขณะที่ภาคเหนือ มีศักยภาพเหมาะแก่การพัฒนาสู่การเป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์มูลค่าสูง ทั้งความสมบูรณ์ในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ บริการด้านสุขภาพ ด้านการศึกษาการผลิตสินค้าสร้างสรรค์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง การเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนการพัฒนาระบบดูแลผู้สูงอายุเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

 

โดยเป็นศูนย์กลางกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านในระแวกอาเซียนที่เชื่อมต่อไปยัง 2แผ่นดินใหญ่ อย่างจีนและอินเดียได้ง่าย เหมาะสมเป็นฮับด้านเศรษฐกิจได้อย่างดี ทั้งนี้เชียงรายมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านบริเวณสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ  ถือว่าเป็นประตูเชื่อมโยงการค้า มีการลงทุนมีด่านการค้าที่สำคัญ และกำลังได้รับการยกระดับให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่สามารถเชื่อมโยงการพัฒนากับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกได้อีกด้วย

 

โดยระบบโลจิสติกส์ ซึ่งยังมีโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงปากนํ้าโพ-เด่นชัยระยะทาง 285 กิโลเมตร ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 189 กิโลเมตร  ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 325 กิโลเมตร และโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ (ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก)

 

สำหรับการพัฒนาทางนํ้าได้มีการพัฒนาท่าเรือเชียงแสนและท่าเรือเชียงของรองรับไว้แล้วเช่นเดียวกับแผนการพัฒนาทางอากาศ ได้มีโครงการปรับปรุงสนามบินแม่สอดเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ต่อมาเป็นทางด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือ อีสาน มุ่งไปที่ ขอนแก่น นครราชสีมา หนองคายและนครพนม เพื่อให้มีส่วนสนับสนุนแนวระเบียงเศรษฐกิจอีอีซีให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการใช้แนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเข้าไปเชื่อมโยงพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ

 

หากแนวคิดการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจทั่วทุกภาคของไทยสามารถเกิดขึ้นจริงได้ จะเป็นการพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดด แม้จะใช้ระยะเวลานาน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันจนเกินไป และทำให้เกิดความหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวไทย การพึ่งพาตนเองได้ยั่งยืน

 

ทั้งหมดที่อธิบายมานี้ ย้ำว่าเป็นเพียงบางส่วนโครงการ แต่รายละเอียดแผนในการพัฒนาไม่ไช่การบริหารประเทศแบบที่ว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้าอย่างแน่นอน  ประเด็นสำคัญคือการที่นายอนุทินออกมาพูดแบบนี้มีเจตนาเคลือบแฝงอะไร อย่างใดหรือไม่ เร็วๆนี้คงมีคำตอบให้ขุดคุ้ยอย่างแน่นอน