ยังไงกัน! เมื่อ"ทักษิณ" สั่งสาวกแดงหนุนแค่"เพื่อไทย-ทษช." ฤา"ในสายตานายใหญ่ ตู่-จตุพรเป็นได้แค่แดงเทียม" 

ยังไงกัน! เมื่อ"ทักษิณ" สั่งสาวกแดงหนุนแค่"เพื่อไทย-ทษช." ฤา"ในสายตานายใหญ่ ตู่-จตุพรเป็นได้แค่แดงเทียม" 

ยังไงกัน! เมื่อ"ทักษิณ" สั่งสาวกแดงหนุนแค่"เพื่อไทย-ทษช." ฤา"ในสายตานายใหญ่ ตู่-จตุพรเป็นได้แค่แดงเทียม" 


 

นับว่าน่าสนใจทีเดียวสำหรับก้าวย่างของ "นายใหญ่-ทักษิณ ชินวัตร" ที่ส่งตรงมาถึง "นายอานนท์ แสนน่าน" ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงอุดรธานี โดยนายใหญ่สั่งการให้ "คนเสื้อแดงปีกของนายอานนท์" สนับสนุน "พรรคเพื่อไทย" และ "พรรคไทยรักษาชาติ" ซึ่งเป็นพรรคในเครือข่าย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า


เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ทั้ง 2 พรรคที่ทักษิณทักษิณกำชับผ่านมาทางนายอานนท์นั้น กลับไม่มี "พรรคเพื่อชาติ" ซึ่งเป็นพรรคที่บรรดาแกนนำเสื้อแดงร่วมกันจัดตั้ง ที่สำคัญคือมีแกนนำเสื้อแดงตัวใหญ่อย่าง "นายจตุพร พรหมพันธ์" ร่วมหนุนอยู่เต็มตัว เมื่อทักษิณไม่ได้พูดถึง "พรรคเพื่อชาติ" แม้สักคำ...นั่นจึงก่อให้เกิดคำถามว่า...หรือสายใยของ "ทักษิณและจตุพร" ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...นับจากที่ฝ่ายหลังพ้นโทษจากเรือนจำออกมาเมื่อ 2 - 3 เดือนก่อน...หลายคนมองด้วยซ้ำว่า...หรือ..."ในสายตาของนายใหญ่ ตู่-จตุพรเป็นได้แค่แดงเทียม" และ "กำลังจะถูกลอยแพ" 


 

ที่จริง ร่องรอยความหมางเมินของจตุพรและทักษิณ มีให้เห็นเกือบจะทันทีที่เขาพ้นเรือนจำออกมา เรื่องนี้ปรากฏชัด เมื่อเขาให้สัมภาษณ์พิเศษแทบลอยด์หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ฉบับวันที่ 19 ส.ค.  ถึงกรณีที่ "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"  แกนนำแดงอีกคนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์สื่อสำนักหนึ่งในทำนองว่า พรรคเพื่อไทยขาด”ทักษิณ ชินวัตร”ไม่ได้  โดยนายณัฐวุฒิอ้างว่า ต้องยอมรับคุณูปการของการเป็น ทักษิณ ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง

 

โดยเฉพาะแค่เรื่องนี้ จตุพร ก็มีความเห็นที่สวนทางกับนายณัฐวุฒิอย่างมาก และนับเป็นครั้งแรก ๆ ที่ทั้ง 2 คนเห็นแย้งในเชิงหลักการเช่นนี้ โดยนายจตุพร ยืนยันว่า "พรรคการเมืองจะยึดติดกับตัวบุคคลไม่ได้ ควรจะเอาอุดมการปราธิปไตยเป็นตัวตั้ง ..โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว"

 

“คนบางทีไปคิดแค่การเลือกตั้ง การหาตัวบุคคล การจัดการเรื่องเกมแห่งการเลือกตั้ง ซึ่งควรที่จะคิดให้มากกว่านั้นเพราะมันอาจทำให้เดินอย่างยั่งยืนได้ เพียงแต่ว่าพร้อมจะเปลี่ยนจะปฏิรูปหรือไม่  เพราะว่าหลายเรื่องหากมีการปฏิรูปก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างให้ฝ่ายการเมือง ซึ่งผมก็เห็นว่าทุกพรรคการเมือง ไม่เว้นแม้กระทั่งฝ่าย นปช. กลุ่มการเมืองก็ต้องมีการปฏิรูปตัวเองที่ต้องมีการหารือกัน ยุค 4.0 มันไปไกลมากแล้ว หากเราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงก็ไม่มีทางเดินได้ทันกับโลกปัจจุบัน” นายจตุพร ระบุเอาไว้ในคราวนั้น

 

เรื่องนี้ยิ่งแจ่มชัดขึ้นอีก เมื่อต่อมาเขาออกมาชมเปาะ ถึงกรณีที่ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงการตั้งพรรคการเมืองหากไม่ผิดกติกาสามารถทำได้ โดยถือเป็นครั้งแรก ๆ ที่นายจตุพรชม  "พล.อ.ประยุทธ์" เช่นนั้น โดยเขาระบุว่า ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ "พล.อ.ประยุทธ์" เปิดกว้างทางการเมือง ส่วนที่บอกให้ติดตามว่าสิ่งที่พูดออกมาทำได้หรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันต่อไป ตนเมื่อไม่มีสิทธิทางการเมือง จึงเป็นได้แค่กองเชียร์ เมื่อเห็นว่าพรรคเพื่อชาติเปิดกว้างให้ผู้มีจิตใจรักประชาธิปไตยทุกคนได้เข้ามามีส่วนร่วม เอาหัวใจประชาธิปไตยมาเป็นตัวตั้ง ก็เป็นหนทางที่ดีที่จะทำให้ประเทศพ้นวิกฤติความขัดแย้งที่มีมานาน ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่ว่าใครชนะเลือกตั้ง แต่เมื่อมีความขัดแย้งกันอยู่ประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ เราจึงต้องหาแนวทางเดินหน้าประเทศไปสู่ความสงบ เพราะเราล้มเหลวอยู่ในวังวนความขัดแย้งไม่ได้อีกแล้ว พรรคเพื่อชาติจึงถือเป็นหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่จะพาประเทศออกจากวังวนความขัดแย้ง 

 

ท่าทีที่เปลี่ยนไปของจตุพร โดยเฉพาะประเด็นที่เห็นแย้งนายณัฐวุฒินั้น ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชาวแดงอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป และนับจากนั้นนายจตุพรก็แสดงให้เห็นเรื่อยมาว่า เขาไม่ได้เน้นที่ตัวบุคคล หรือผูกติดกับนายทักษิณ ชินวัตร อีกต่อไปแล้ว...ต่อท่วงทำนองดังกล่าวผู้สันทัดกรณีทางการเมืองหลายต่อหลายคนยืนยันตรงกันว่า...นายจตุพร เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ แม้จะยังไม่ถึงกับเปลี่ยนขั้วทางการเมือง เพราะเขายังเกาะเกี่ยวกับคนเสื้อแดง...ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นองคาพยพหนึ่งของระบอบทักษิณ แต่เขาก็ตกผลึกทางความคิดหลายอย่าง และมองการเมืองด้วยมิติที่ต่างไปจากเดิม


ไม่ว่าจะอย่างไร...แม้สุ้มเสียงของทักษิณที่สั่งการล่าสุดผ่านทาง "นายอานนท์ แสนน่าน" ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงอุดรฯ จะไม่เอ่ยถึงพรรคที่เขาหนุนหลังสักคำ...กระทั่งหลายคนมองว่า "จตุพรกำลังจะถูกลอยแพ" แต่เรากลับไม่ได้ยินคำพูดใด ๆ จากปากจตุพรต่อกรณีนี้เลย...นั่นยิ่งเป็นคำถามว่า...แท้จริง...ใช่หรือไม่ว่า...เขาเองก็ไม่ได้สนใจในสิ่งเหล่านี้แล้ว