เด็ด! "สุวิทย์" ถาม"เฉลิมคือใคร-ไม่รู้จัก" แง้มเจียนเวลาส่งเทียบเชิญ"บิ๊กตู่" แล้ว  ยันถึงเวลาไขก๊อกแน่ 

เด็ด! "สุวิทย์" ถาม"เฉลิมคือใคร-ไม่รู้จัก" แง้มเจียนเวลาส่งเทียบเชิญ"บิ๊กตู่" แล้ว  ยันถึงเวลาไขก๊อกแน่ 

 

เด็ด! "สุวิทย์ เมษินทรีย์" รมว. วิทยาศาสตร์ ถามกลับ "เฉลิมคือใคร-ผมไม่รู้จัก" หลังอดีตรองนายกฯ จากเพื่อไทย ออกมาโจมตีว่า พรรคพลังประชารัฐ มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกันไว้แล้ว แง้มเจียนเวลาส่งเทียบเชิญ"บิ๊กตู่" แล้ว เพราะวันนี้ก็มีการปลดล็อคการเมืองแล้ว  ยัน 4 รมต. ถึงเวลาไขก๊อกแน่ 

 

วันนี้ (13 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "นายสุวิทย์ เมษินทรีย์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวขณะลงพื้นที่ ครม.สัญจรที่ จ.หนองคาย ถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า เมื่อมีการปลดล็อคการเมือง 4 รัฐมนตรีในพรรค พปชร.พร้อมเดินหน้าทำงานการเมืองตามกรอบที่เหมาะสม โดยไม่ใช้เวลาในตำแหน่งหน้าที่ไปใช้ประโยชน์ต่อพรรค ซึ่งพรรค พปชร.พร้อมในการหาเสียงเลือกตั้ง และจะเริ่มทยอยเดินหน้างานของพรรค เช่น การเปิดนโยบาย เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. เป็นต้น ยืนยันว่าจะลาออกจากตำแหน่งแน่นอนเมื่อถึงเวลา เพราะต้องการลงมาทำงานการเมืองเต็มตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ยังมีงานที่ต้องทำอยู่ในตอนนี้ และเวลานี้ก็คล้ายกับการอยู่ในสนามรบ จึงต้องเคลียร์งานให้แล้วเสร็จก่อนลาออก 

 


"เราไม่ได้มองว่าแม้ลาออกก็โดนด่า ไม่ลาออกก็โดนด่า วันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เมื่อถึงเวลาเราไปแน่นอน แต่ตอนนี้ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด" นายสุวิทย์ ระบุ ทั้งยังบอกด้วยว่า 

 

ส่วนการทำไพรมารีโหวตเพื่อสรรหาผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯนั้น จะต้องมีการหารือกันในพรรคอีกครั้ง แต่ช่วงนี้แกนนำพรรคต่างมีภาระจำนวนมาก จึงไม่มีโอกาสได้คุยกัน และยังไม่ได้พูดคุยเรื่องดังกล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งเป็นผู้ที่มีการคาดกันว่าจะถูกเสนอชื่อ อย่างไรก็ตาม วันนี้เมื่อมีการปลดล็อคการเมืองแล้ว คิดว่าน่าจะถึงเวลาที่จะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แล้ว เพราะส่วนตัวไม่เคยคุยเรื่องนี้กับ พล.อ.ประยุทธ์ มีเพียงการพูดคุยกันเรื่องงาน

นอกจากนี้ นายสุวิทย์  ยังระบุด้วยว่า ส่วนการจัดทำนโยบาย คิดว่าหลายนโยบายของรัฐบาลนี้ควรได้รับการสานต่อและพัฒนาต่อยอด เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งไม่ใช่การแจกเงินคนจนอย่างที่มีการกล่าวหา เพราะเมื่อประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอ ก็ต้องเติมให้ประชาชน เราต้องการสร้างสังคมประชารัฐ คนจะอดตายอยู่แล้ว คุณไม่เติมให้เขาได้ยังไง ต้องเติมให้ จากนั้นจึงให้เขาพัฒนาตัวเอง จึงต้องมีการต่อยอด จากที่ตอนนี้ผู้ถือบัตรมี 11.4 ล้านคน เราต้องมาดูว่าครอบคลุมหรือไม่ ขณะเดียวกัน ต้องช่วยมนุษย์เงินเดือนด้วย จึงต้องมีนโยบายอย่างกองทุนบำนาญเอกชน เราต้องการชูเรื่องหลักประกันชีวิต เพราะทุกอาชีพมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น นอกจากนี้ยังต้องมีนโยบายด้านนวัตกรรม การเพิ่มพื้นที่พัฒนากระจายเศรษฐกิจด้วยการสร้างเมืองใหม่ เป็นต้น” นายสุวิทย์ กล่าว


ส่วนเมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุจะมีการโกงเลือกตั้ง และพรรค พปชร. มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีไว้แล้ว นายสุวิทย์ กล่าวติดตลกว่า “ใครคือคุณเฉลิม ผมไม่รู้จัก”

นอกจากนี้ นายสุวิทย์  ยังระบุด้วยว่า ส่วนการจัดทำนโยบาย คิดว่าหลายนโยบายของรัฐบาลนี้ควรได้รับการสานต่อและพัฒนาต่อยอด เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งไม่ใช่การแจกเงินคนจนอย่างที่มีการกล่าวหา เพราะเมื่อประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอ ก็ต้องเติมให้ประชาชน เราต้องการสร้างสังคมประชารัฐ คนจะอดตายอยู่แล้ว คุณไม่เติมให้เขาได้ยังไง ต้องเติมให้ จากนั้นจึงให้เขาพัฒนาตัวเอง จึงต้องมีการต่อยอด จากที่ตอนนี้ผู้ถือบัตรมี 11.4 ล้านคน เราต้องมาดูว่าครอบคลุมหรือไม่ ขณะเดียวกัน ต้องช่วยมนุษย์เงินเดือนด้วย จึงต้องมีนโยบายอย่างกองทุนบำนาญเอกชน เราต้องการชูเรื่องหลักประกันชีวิต เพราะทุกอาชีพมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น นอกจากนี้ยังต้องมีนโยบายด้านนวัตกรรม การเพิ่มพื้นที่พัฒนากระจายเศรษฐกิจด้วยการสร้างเมืองใหม่ เป็นต้น” นายสุวิทย์ กล่าว


ส่วนเมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุจะมีการโกงเลือกตั้ง และพรรค พปชร. มีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีไว้แล้ว นายสุวิทย์ กล่าวติดตลกว่า “ใครคือคุณเฉลิม ผมไม่รู้จัก”