"พระองค์หญิงสิริวัณณวรี"เสด็จบำเพ็ญพระกุศล เฝ้าถวายจตุปัจจัยไทยธรรม แด่ "สมเด็จพระสังฆราช" เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จทรงปล่อยพันธุ์ปลา เพื่อบำเพ็ญพระกุศลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ ณ ท่าวาสุกรี กรุงเทพฯ  เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม

โดยเมื่อเวลา 9.30น. ที่ผ่านมา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงปล่อยโคที่ทรงไถ่ชีวิตมาจำนวน 1 คู่ และเสด็จไปยังบริเวณที่ปล่อยนก ทรงปล่อยนกปรอดหัวโขนจำนวน 33 ตัว เสร็จแล้วเสด็จไปยังศาลาท่าน้ำวาสุกรี ทรงปล่อยพันธุ์ปลา เพื่อบำเพ็ญพระกุศลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ เจริญพระชันษา 32 ปี สำหรับพันธุ์ปลาน้ำจืดที่กรมประมงน้อมถวาย เป็นปลาไทยจำนวน 9 ชนิด รวมทั้งสิ้น 390,000 ตัว 
 

 

อ่านข่าว : "พระองค์หญิงสิริวัณณวรี" ทรงบำเพ็ญพระกุศล เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ ครบรอบ 32 พระชันษา

และในการนี้ยังได้เสด็จทรงบำเพ็ญพระกุศลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และเฝ้าถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เผยแพร่ภาพขณะพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เข้าถวายจตุปัจจัยแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พร้อมระบุว่า "วันอังคาร ที่ 8 มกราคม 2562 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จมาทรงบำเพ็ญพระกุศลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

 

การนี้เสด็จไปทรงสักการะพระพุทธปฏิมาปางนาคปรก ประธานพระเจดีย์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และเฝ้าถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก"

 

 

 

โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์  ประสูติเมื่อวันที่  8 มกราคม พ.ศ. 2530 ทรงสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนจิตรลดา ต่อมาได้สำเร็จการศึกษาศิลปกรรมศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 (เหรียญทอง) ภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.93 และทรงได้รับรางวัลนิสิตดีเด่นประจำปีการศึกษา 2551 ด้วยมีผลการการเรียนอันน่าพึงใจ หลังจากนี้พระองค์ได้ศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศฝรั่งเศส ณ สถาบันเอโกล เดอ ลา ฌอมป์ซินดิกัล เดอ ลา กูตูร์ปารีเซียง

 

 

 

ขอบคุณภาพ : สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช