ชาวนากระเป๋าแฟบยุคยิ่งลักษณ์! "สุริยะ-พปชร." ตอกกลับ "หญิงหน่อย"จ่อเพิ่มเงินสดบัตรคนจน พร้อมแจกเพิ่มคนละ 2 ใบ!

ชาวนากระเป๋าแฟบยุคยิ่งลักษณ์! "สุริยะ จาก พปชร." ตอบโต้กลับ "หญิงหน่อย" พร้อมจ่อเพิ่มเงินสดบัตรคนจน พร้อมแจกเพิ่มคนละ 2 ใบ

วันนี้ (14 มกราคม 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดห้วยพรม หมู่ที่ 8 จ.นครราชสีมา "นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" พร้อมด้วยคณะ อาทิ "นายอนุชา นาคาศัย" ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคกลาง "นายวิรัช รัตนเศรษฐ" ประธานยุทธศาตร์การเลือกตั้งอีสานใต้ "นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ" กรรมการบริหารพรรคฯ และ "นายภิรมย์ พลวิเศษ" กรรมการยุทธศาตร์การเลือกตั้งและเลขานุการ 

 

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

 

ทั้งนี้ "นายสุริยะ" ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนระหว่างการปราศรัยหาเสียง ว่าที่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐเขตเลือกตั้งที่ 11 โดยเน้นถึงโครงการประชารัฐที่เตรียมจะสานต่อ เช่น เพิ่มเงินสดในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนให้กับประชาชน จากเดิม 300 บาท เป็น 500 บาท และเพิ่มให้เป็นคนละ 2 ใบ โดยมีประชาชนเข้าร่วมฟังปราศรัยกันอย่างคับคั่ง

 

ชาวนา

จากนั้นคณะของนายสุริยะ ได้เดินทางไปที่หอประชุมสมาคมชาวไร่อ้อย เพื่อช่วย "นายสุพร อัตถาวงศ์" หรือ "แรมโบ้อีสาน" ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 10 ปราศรัยหาเสียง และได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนความตอนหนึ่งถึงสโลแกนของ"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย "อยู่พรรคเพื่อไทยกระเป๋าตุงอยู่กับลุงตู่กระเป๋าแฟบ" ว่า  "ขอถามคุณหญิงสุดารัตน์ว่าใครกันแน่ที่กระเป๋าตุงให้ไปถามนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พรรคเพื่อไทยดู ส่วนการมาอยู่กับลุงตู่นั้น ที่ว่ากระเป๋าแฟบ ให้ดูที่ราคาพืชผลทางการเกษตร

 

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

 

ตอนนี้ราคาข้าวพุ่งสูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์และชาวนายังได้ค่าเกี่ยวข้าวไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 12 ไร่ รวมแล้วรัฐให้ค่าเกี่ยวข้าวครัวเรือนละ 18,000 บาท นอกจากนี้ "ลุงตู่" ยังมอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แก่ชาวบ้าน จนทำให้ประชาชนกระเป๋าตุง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่ายุคนี้ชาวนากระเป๋าตุงจริง ผิดกับสมัย "ยิ่งลักษณ์" ชาวนากระเป๋าแฟบ"  พร้อมทิ้งท้ายประโยคเด็ดว่า "แต่คนที่กระเป๋าตุงคือ นายทุน และ นักการเมืองผู้มีอำนาจบางคน ซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ส่วนการคาดหวังจำนวน ส.ส. ในพื้นที่ภาคอีสานนั้น ตนก็ยังยืนยันว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 60 ที่นั่ง และทั่วประเทศพรรคพลังประชารัฐจะกวาด ส.ส.ได้ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่งแน่นอน"

 

ยิ่งลักษณ์

 

 

 

 

ทั้งนี้เป็นประเด็นนี้ สืบเนื่องมาจากการลงพื้นที่หาเสียงของ "คุณหญิงสุดารัตน์" เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา ในจ.อุบลราชธานี  ด้วยการกล่าวว่า "พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า คงไม่มีใครอยากเป็นคนจน ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เราอยากยืนอยู่ได้บนลำแข่งตนเอง ซึ่งการจะออกจากความทุกข์นี้ได้ คือวันเลือกตั้ง ลุงยังไม่บอกว่าวันไหน แต่เราจะอดทน เลือกวันไหนก็วันนั้น เลือกตั้งครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งอื่น ต้องเลือกให้ท่วม 250 จึงจะชนะ เพราะเขาใช้อำนาจที่ยิ่งใหญ่เขียนกติกาที่เอารัดเอาเปรียบ มีคะแนนส.ว. 250 อยู่ในมือแล้ว แต่ไม่มีอำนาจใดจะยิ่งใหญ่เท่าอำนาจของประชาชน" และย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้เลือกเพราะรักใคร ประชาชนต้องเลือกเพราะรักตัวเอง พร้อมชูสโลแกนดังกล่าว

 

หญิงหน่อย

 

อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปดูข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ด้านตัวเลข พบว่า ในช่วงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันที่ 25 กรกฎาคม 2554 ถึง 16 มกราคม 2555 กินเวลายาวนานถึง 175 วัน สร้างความเสียหายเป็นตัวเงินถึง 1.44 ล้านล้านบาทโดยประมาณ แน่นอนว่าอัตราการเจริญเติบโตในปี 2554 นั้นย่อมไม่ดี สำหรับตัวเลข GDP ของปี 2554 นั้น ข้อมูลจากธนาคาร Asian Development Bank ระบุว่าเติบโตเพียงแค่ 0.8 % เท่านั้น กระทั่งปี 2556 นั้นอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจก็มีอัตราที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยตกจาก 7.2% ในปี 2555 มาอยู่ที่ 2.8%

 

ปู ยิ่งลักษณ์

 

ต่อมาในปี 2557 ภายหลังรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขาดความชอบธรรมทางการเมือง นำมาซึ่ง การรวมตัวของมวลชนขนานใหญ่ที่เกือบเทียบเท่าเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ ในนาม "กปปส." ก็พบว่าเศรษฐกิจแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ถัดนั้น ในปี 2558 ซึ่ง "รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์" บริหารประเทศเต็มๆปีนั้น พบว่าอัตราการเจริญเติบโต GDP นั้นเพิ่มขึ้นจาก 0.8% มาเป็น 2.8% ตามข้อมูลของธนาคาร Asian Development Bank และ Focus-Economics

 

บิ๊กตู่