บิ๊กโจ๊ก สั่งลุยกวาดล้างแก๊งปล่อยกู้โหด ให้กระดาษเปล่าเซ็นรีดดอกเบี้ย จับเพิ่ม 14 แสบยึดทรัพย์ร่วมพันล้าน บาท

จากการปฏิบัติงานของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.บุญลือ กองบางยาง รองผบช.ภ.4 พล.ต.ต. จำนงค์ รัตนกุล รองผบช.ภ.5 นายพีรพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ เลขานุการกรม สำนักงานปปง. นายมนัส ขันใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่,พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ. ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5  พ.อ.อโณทัย ชัยมงคล รองผบ.มทบ.33 พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.สภ.ภูผาม่าน  พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิสมัย

 

 

 

ผกก.สภ.บ้านเป็ด พ.ต.ท.ธนารัตน์  มีทองหลาง รองผกก.สส.สภ.ชนบท  พ.ต.ท.จามร อันดี รองผกก.ป.สภ.ท่าพระ พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รองผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิสมัย รองผกก.สส.สน.ห้วยขวาง  พ.ต.ท.ปรเมษฐ โพยนอก รองผกก.สส.สน.บางเขน ร่วมกันแถลงข่าวผลการระดมกวาดล้างเงินกู้นอกระบบ ตามยุทธการ ขุดรากถอนโคนอาชญากรรม ทำบ้านเมืองให้น่าอยู่  ทวงคืนความเป็นธรรมให้ลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ว่าถูกนายทุนเงินกู้รายใหญ่ปล่อยเงินกู้อัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 

ปฎิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังปูพรม 82 จุดใน 11 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพฯ, ชลบุรี,เชียงใหม่, เชียงราย, ลำปาง, ลำพูน, พะเยา, แพร่, น่าน, แม่ฮ่องสอน, และ อุดรธานี  จับกุมนายทุนเงินกู้ดอกเบี้ยโหด 14 ราย จาก 55 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 14 คน ประกอบด้วย 

 

ตำรวจ


นายวรรษา  เจนติยานุรักษ์, นายวินัย สิงห์เผือก นายธัญยบูรณ์  หอมกลิ่น, นายนิรุต กมลมาลย์, นายอิทธิพัทธ์  สังข์ทอง, นายทวีหรือหมี  คำเสียง, นายหัสชัย  โพนปลัด,นายวุฒินันท์  ขอเหนี่ยวกลาง, นายชุติเทพ  สุโพธิ์, นายเจษฎา ศรีสกุล, น.ส.วลัยพร  ประสพ  โดยเบื้องต้นแจ้งข้อหา “อั้งยี่และร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด”  

 


และนางพัชริน  แต้กุล, นายณัฐพล  อยู่สำราญ นายพีระ  ปฏิกรณ์ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันเป็นการอำพรางให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด”   พร้อมยึดอายัดทรัพย์สิน ผู้ต้องหา มูลค่า 644.9  ล้านบาท ประกอบด้วย อาคารพาณิชย์และที่ทำการบริษัท จำนวน 6 แห่ง, โรงแรมจำนวน 4 แห่ง,ร้านอาคารสถานประกอบการจำนวน 2 แห่ง ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 1 แปลง รถยนต์ 25 คัน ตรวจยึดโฉนดที่ดิน จำนวน 197 ฉบับ เนื้อที่ 220 ไร่ มูลค่า 218 ล้านบาทพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องทางคดีอีกหลายรายการ รวมมูลค่าทั้งสิ้น  972.9  ล้านบาท

 

 


ทั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญ เร่งรัดขับเคลื่อนแก้ไข จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ

ให้ร่วมกันบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจังจะเห็นได้ว่าปัญหาหนี้นอกระบบได้สร้างปัญหาก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม โฉนดที่ดินตกอยู่ในกลุ่มนายทุนเพียงไม่กี่คน หนำซ้ำยังเอาเปรียบลูกหนี้อีกด้วย  ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการปราบปรามทั่วประเทศบังคับใช้กฎหมายเพื่อคืนที่ดินให้กับประชาชนที่ถูกนายทุนเอารัดเอาเปรียบ

  

 

เจ้าหน้าที่ 1

 

ในส่วนพฤติกรรมของนายทุนส่วนใหญ่ไม่ต่างจากเดิมมีการทำนิติกรรมอำพราง ให้ชาวบ้านเซ็นชื่อในกระดาษเปล่า อีกทั้งมีการเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฏหมายกำหนด ซึ่งในรายของนายทุนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พบว่ามีการเปิดกิจการธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล หรือธุรกิจลิสซิ่ง ซึ่งมีทั้งเปิดโดยถูกกฎหมายและผิดกฎหมายมีการกระทำผิดเงื่อนไขตามตกลง 

 


โดยมีการเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยสูงในส่วนนี้ถือว่าผิดกฏหมายเรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากำหนด ทั้งนี้ในเชียงใหม่จับกุมนายทุนเครือข่ายบริษัท เอ็ม.อี. ลีสซิ่ง  จำกัด ซึ่งมีสาขาย่อยกว่า 10 สาขา และมีนายพีระ  ปฏิกรณ์ เป็นกรรมการบริษัท ในส่วนของจ.แพร่  จ.พะเยา และอุดรธานี เป็นการขยายผลเครือข่ายของเซนลิสซิ่ง ซึ่งนายทุนมีพฤติกรรมรับขายฝากที่ดิน มีสาขา 1500 สาขาทั่วประเทศ 

 

 

 

ต่อมาปรากฏว่าที่ดินของชาวบ้านที่นำมาจำนองถูกกรมสรรพากรอายัดไว้เนื่องจากนายทุนมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษี ตั้งแต่ปี 2544  หลังถูกสำนักตรวจสอบภาษีอากรกลาง กรมสรรพากรกลาง ประเมินเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง 260 ล้านบาท และมีการฟ้องร้องกัน ภายหลังศาลฎีกาได้พิพากษาให้กรมสรรพากรชนะคดี ทำให้กรมสรรพากรต้องยึดที่ดินกว่า 400 ไร่โดยใช้อำนาจตามม.12 ประมวลรัษฎากร ยึดที่ดินดังกล่าวไว้  ซึ่งปัจจุบันยังมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยกับชาวบ้าน แม้ที่ดินถูกสรรพากรอายัดก็ตาม

 

 

หลังจากนี้จะดำเนินการตามแนวทางโดยการยึดอายัดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดของผู้ต้องหาเพื่อมาเฉลี่ยทรัพย์คืนเป็นที่ดินให้ชาวบ้าน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะประสานทางกระทรวงการคลังเพิกถอนใบอนุญาตลิสซิ่งที่กระทำผิดเงื่อนไข และปราบปรามลิซซิ่งที่เปิดผิดกฎหมายต่อไป โดยในวันที่ 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำกับดูแลสำนักนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานมอบโฉนดคืนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหนี้นอกระบบและนายทุนดอกเบี้ยโหด ที่ จ.มหาสารคาม และในวันที่ 16 มี.ค. จะมีการมอบโฉนดคืนให้พี่น้อง ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 8 -9 ต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-เหิม !! ขบวนการยาบ้าชักปืนรัวยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังชิ้นดับ 1 รอดหวุดหวิด 1 ขณะปฎิบัติหน้าที่

-ตร. จ่อแจ้งข้อหา เจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญ "ไอ้กอล์ฟ" ปล้นรถขนเงิน (รายละเอียด)

 

เจ้าหน้าที่ 2

 

เจ้าหน้าที่ 3

 

เจ้าหน้าที่  4