เจ้าหน้าที่สินเชื่อของสหกรณ์เกษตรศีขรภูมิ จำกัด ให้ทำสัญญากู้ยืมเงิน แทนหนังสือกู้ในระยะเงินกู้ปานกลาง อ้างว่าตัวเองมีหลักทรัพย์เป็นหลักฐานในการกู้เงิน โดยให้พวกตนเซ็นชื่อกู้อย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร เงินที่กู้ได้มาได้ ก็มอบให้กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อของสหกรณ์ไป และพวกตนก็ได้เก็บไว้เพียง 100,000บาท (หนึ่งแสนบาท) และบอกว่า จะเป็นคนใช้หนี้สหกรณ์แทน

สมาชิกสหกรณ์เกษตรศีขรภูมิ จำกัด ประมาณ 10 คน ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดสุรินทร์ ถูกเจ้าหน้าที่สินเชื่อของสหกรณ์เกษตรศีขรภูมิ จำกัด ให้ทำสัญญากู้ยืมเงิน แทนหนังสือกู้ในระยะเงินกู้ปานกลาง อ้างว่าตัวเองมีหลักทรัพย์เป็นหลักฐานในการกู้เงิน โดยให้พวกตนเซ็นชื่อกู้อย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร เงินที่กู้ได้มาได้ จำนวน 490,000 บาท (สี่แสนเก้าหมื่นบาท) ก็มอบให้กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อของสหกรณ์ไป และพวกตนก็ได้เก็บไว้เพียง 100,000บาท (หนึ่งแสนบาท) และบอกว่า จะเป็นคนใช้หนี้สหกรณ์แทน ต่อมาก็ติดต่อเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯไม่ได้เลย ทราบว่าได้ถูกทางสหกรณ์ให้ออกไปแล้ว พร้อมไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามตัวเจ้าหน้าที่สินเชื่อของสหกรณ์ มาเป็นระยะแรมปีแล้ว เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า พวกตนเดือดร้อนที่จะต้องใช้หนี้สหกรณ์ฯ จึงได้มายื่นของความเป็นธรรม

วันนี้ วันที่ 22 มีนาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า นายจันทร์ วุฒิยา อายุ 69 ปี มีบ้านพักอยู่บ้านเลขที่ 10/1 หมู่ 3 ตำบลคาลาแมะ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์เพื่อการเกษตรศีขรภูมิ จำกัด พร้อมด้วยพวกสมาชิก ฯ ได้ถูกนางสราญกิตภัสสร์ มาให้พร้อม ที่เป็นเจ้าหน้าที่แผนกสินเชื่อของสหกรณ์การเกษตรศีขรภูมิ จำกัด ให้ทำสัญญากู้ยืมเงิน แทนหนังสือกู้ในระยะเงินกู้ปานกลาง อ้างว่าตัวเองมีหลักทรัพย์เป็นหลักฐานในการกู้เงิน โดยให้พวกตนเซ็นชื่อกู้อย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร เงินที่กู้ได้มาได้ จำนวน 490,000 บาท (สี่แสนเก้าหมื่นบาท) ก็มอบให้กับเจ้าหน้าที่สินเชื่อของสหกรณ์ไป และพวกตนก็ได้เก็บไว้เพียง100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) และบอกว่า จะเป็นคนใช้หนี้สหกรณ์ให้แทน ต่อมาก็ติดต่อเจ้าหน้าที่สหกรณ์ฯไม่ได้เลย ทราบว่าได้ถูกทางสหกรณ์ให้ออกไปแล้ว พร้อมไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามตัวเจ้าหน้าที่สินเชื่อของสหกรณ์ มาเป็นระยะแรมปีแล้ว เรื่องก็ยังไม่คืบหน้า พวกตนเดือดร้อนที่จะต้องใช้หนี้สหกรณ์ฯ จึงได้มายื่นของความเป็นธรรม และนอกจากนี้แล้ว ยังมีเกษตรกรชาวบ้านในตำบลอื่นๆอีกหลายรายกด็ได้ถูกเจ้าหน้าที่สวินเชื่อของสหกรณ์ดังกล่าวมาหลอกให้กู้ และมีการแจ้งความกันไว้จำนวนนับสิบๆ รายด้วยกันที่เดือดร้อน

ลุงวัย 69 ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกจนท.สินเชื่อสหกรณ์หลอกกู้เงินให้แล้วเชิดหนีเกือบ 5 แสนบาท

 

ลุงวัย 69 ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกจนท.สินเชื่อสหกรณ์หลอกกู้เงินให้แล้วเชิดหนีเกือบ 5 แสนบาท

 

ลุงวัย 69 ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกจนท.สินเชื่อสหกรณ์หลอกกู้เงินให้แล้วเชิดหนีเกือบ 5 แสนบาท

ลูกหลานเกษตรกรที่มาด้วยกันบอกว่า ทางญาติๆพี่น้องที่มาลงชื่อและหลักฐานแจ้งความยื่นของความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แอละศูนย์ดำรงธรรม เพื่อของความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งได้ไปแจ้งความไว้ประมาณ 2 ปี แล้ว แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้าเลย

ลุงวัย 69 ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกจนท.สินเชื่อสหกรณ์หลอกกู้เงินให้แล้วเชิดหนีเกือบ 5 แสนบาท

 

ลุงวัย 69 ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกจนท.สินเชื่อสหกรณ์หลอกกู้เงินให้แล้วเชิดหนีเกือบ 5 แสนบาท

 

ลุงวัย 69 ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกจนท.สินเชื่อสหกรณ์หลอกกู้เงินให้แล้วเชิดหนีเกือบ 5 แสนบาท

นายจันทร์ วุฒิยา บอกว่า ตนเอง และชาวบ้านในหมู่บ้านได้ถูกนางสราญกิตภัสสร์ มาให้พร้อม ที่เป็นเจ้าหน้าที่แผนกสินเชื่อของสหกรณ์การเกษตรศีขรภูมิ จำกัด ให้ทำสัญญากู้ยืมเงิน แทนหนังสือกู้ในระยะเงินกู้ปานกลาง อ้างว่าตัวเองมีหลักทรัพย์เป็นหลักฐาน ในการกู้เพียงแต่เซ็นชื่ออย่างเดียว ต่อมาติดต่อกันไม่ได้เลย จึงได้ไปแจ้งความกับตำรวจไว้ และทราบว่า นางสราญกิตภัสสร์ มาให้พร้อม ถูกให้ออกจากงาน และติดต่อกันไม่ได้เลย พวกตนเดือดร้อนที่จะต้องจ่ายใช้หนี้ให้กับสหกรณ์ฯ จึงได้มายื่นหนังสือของความเป็นธรรมในครั้งนี้

ลุงวัย 69 ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกจนท.สินเชื่อสหกรณ์หลอกกู้เงินให้แล้วเชิดหนีเกือบ 5 แสนบาท

 

ลุงวัย 69 ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกจนท.สินเชื่อสหกรณ์หลอกกู้เงินให้แล้วเชิดหนีเกือบ 5 แสนบาท

 

ลุงวัย 69 ร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังถูกจนท.สินเชื่อสหกรณ์หลอกกู้เงินให้แล้วเชิดหนีเกือบ 5 แสนบาท

ภาพ/ เขมชาติ ชุณหกิจขจร

ข่าว/ รมิตา สิงหเสรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดสุรินทร์