ไฟไร่อ้อยลามถึงปลายนา วอดวายสิ้น เจ้าแสนอาลัยมองไปน้ำตาไหล เหลือเพียงวัว 9 ชีวิต

วันที่ 22 มี.ค.นายอดิศร วิทูรศิลป์ นายอำเภอบ้านด่าน บุรีรัมย์ ได้เข้าตรวจสอบเพลิงไหม้บ้านพักของชาวบ้าน หลังได้รับแจ้งมีเครื่องกลทางการเกษตรได้รับความเสียหายหลายรายการ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวปลูกเป็นลักษณะกระท่อมปลายนา ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด รวมทั้งรถไถนาแบบเดินตาม 2 คัน และคอกเลี้ยงสัตว์ ได้รับความเสียหายทั้งหมด และพบนายดำรงค์ แสงรัมย์ อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 26 ม.2 ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน อาชีพทำนา ยืนดูกองขี้เถ้าและซากสลักหักพังด้วยความเศร้า

 

 

 

สอบถามดำรงค์ เจ้าของบ้าน เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ของคืนที่ผ่านมาขณะนั้นตนไปนอนบ้านอีกหลังที่อยู่ในหมู่บ้าน ส่วนบ้านที่ถูกไฟไหม้ไม่มีใครอยู่ มีเพียงวัวที่อยู่ในคอก 9 ตัว และรถไถนาเดินตามจอดไว้ภายในกระท่อม กลางดึกได้มีชาวบ้านไปเรียกว่าไฟไหม้บ้าน

จึงรีบมาดูเห็นชาวบ้านกำลังช่วยกันตัดเชือกวัวที่ผูกไว้ในคอก ให้หลุดออกจากกองเพลิง ก่อนวัว 9 ตัวจะกระโจนหนีตายจากเปลวเพลิงออกจากคอกมาแบบอลม่าน โชคดีวัวปลอดภัยทั้ง 9 ตัว

นายดำรงค์ เจ้าของบ้านเล่าด้วยว่า ทรัพย์สินที่ตนเสียดายที่สุดคือรถไถนาเดินตาม 2 คัน เพราะใกล้จะถึงฤดูทำนา คงไม่มีเงินไปซื้อรถไถมาแทนได้ทันเวลา แต่โชคดีที่ชาวบ้านช่วยเหลือวัวทั้ง 9 ตัวออกมาได้ทัน มิเช่นนั้นตนคงจะไม่มีทางออกอย่างแน่นอน ส่วนความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 500,000 บาท

 

 

 

ด้านนายอดิศร วิทูรศิลป์ นายอำเภอบ้านด่าน เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบพบว่าบริเวณโดยรอบพบว่ามีการจุดไฟเผาอ้อย มีร่องรอยการลุกลามมาที่บ้านของนายดำรงค์ จึงแนะให้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าของไร่อ้อยได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนเผา

จึงอยากจะฝากเตือนพี่น้องชาวเกษตรกรในพื้นที่ในกรณีมีการจุดไฟเผาอ้อยแล้วเกิดการลุกลามทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหายอาจจะมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้อยากจะให้พี่น้องชาวเกษตรกรยึดถือหนังสือคำสั่งประกาศของจังหวัดบุรีรัมย์ ในการห้ามจุดไฟเผาอ้อย

 

 

 

ภาพ/ข่าว วันชัย ผิวอร่าม ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวทีนิวส์ จ.บุรีรัมย์