นำรถแบคโฮเข้ารื้อซากอาคารไฟไหม้พังถล่ม ตลาดไทยอิสาณ ในการดับไฟที่ยังไหม้อยู่เป็นวันที่ 3

กรณีเหตุไฟไหม้ร้านโกดังสินค้าอาคารพาณิชย์ตึกแถวในตลาดไทยอิสาณ กลางเมืองอุดรธานี ร้านศิริมงคล หรือ ร้านเป็กโก้ ของนางศิริพร เหงียนทิศ อายุ 66 ปี เลขที่ 32/16-17 ถ.สุรการ ที่ไฟไหม้เสียหายลามไปถึง 16 คูหา รวมทั้งอาคารพังถล่มลงมา 4 คูหา ซึ่งขณะนี้ผ่านมาจะเข้าวันที่ 3 แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลนครอุดรธานี ยังคงต้องใช้น้ำฉีดเลี้ยงบริเวณที่เกิดเหตุภายในตัวอาคารอยู่ เพราะยังคงมีเพลิงไหม้ครุในกองเชื้อเพลิงต่าง ๆ ที่มีจำนวนมาก 

วันที่ 25 มีนาคม62  เวลา 13.30 น.นายวันชัย จันทร์พร รอง ผวจ.อุดรธานี พร้อม นายดาวเรือง หากันได้ ผอ.สำนักการโยธาเทศบาลนครอุดรธานี กำลัง ทหาร มทบ.24 กำลังตำรวจ อส. และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำเครื่องจักรหนัก ที่มีทั้ง รถแบ็คโฮขนาดใหญ่ และ ขนาดเล็ก เข้าไปในบริเวณตัวอาคารที่จุดที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยทางเทศบาลนครอุดรธานี ได้ใช้ พรบ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2550 เพื่อทำการรื้อสิ่งกีดขวาง

 

 

 

 

 

 โดยส่วนใหญ่เป็นหลังคากันสาดของอาคารที่ไม่ถูกเพลิงไหม้ ตามเส้นทางที่จะเข้าไปตรงบริเวณจุดเกิดเหตุในตลาดไทยอิสาณ เคลียทางในการจะนำเอารถแบ็คโฮเข้าไปรื้อพื้นปูนของตึกที่ถล่มลงมา ทับวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะได้ฉีดน้ำให้ไฟดับที่ครุอยู่ใต้พื้นที่พังลงมา ซึ่งตอนนี้ไฟยังคงลุกไหม้อยู่ภายในตัวอาคาร โดยมีนายฐิตวัฒน์ คุณะรังสี ผู้จัดการตลาดไทยอิสาณ มาอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาทำงาน

ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการรื้อหลังคา ที่มีการต่อเติมยื่นออกมา โดยใช้แก็สเป่าเล็ก พร้อมกับนำรถแบ็คโฮกระแทกหลังคากันสาดให้หลุดออก แล้วให้ทหารจาก มทบ.24 ช่วยขนขึ้นรถนำไปทิ้ง เพื่อที่ได้ให้เจ้าหน้าที่นำเอารถแบ็คโฮไปตักตัวพื้นที่พังถล่มลงมาทับวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิง เช่น โฟม ถุงพลาสติก กระดาษ ที่ติดอยู่ใต้พื้นทำให้ไฟยังครุอยู่ภายในไม่สามารถดับไฟได้ เมื่อเจ้าหน้าที่จัดการพื้นปูนออก ทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลนครอุดรธานี ได้ฉีดน้ำดับไฟที่ยังคงลุกไหม้อยู่ตลอด

 

 

 

 

 

นายวันชัย จันทร์พร รอง ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางมาตรวจสอบสถานการณ์ไฟไหม้ในตลาดไทยอิสาณ ซึ่งเป็นวันที่ 3 แล้วที่ไฟยังไม่ดับ โดยทางจังหวัดได้ปรึกษากับทางทหาร เทศบาลนครอุดรธานี แล้วว่า จะต้องทำการรื้อหลังคากันสาดที่เป็นสิ่งที่กีดขวางเส้นทางเอาออกในเบื้องต้น เพื่อที่จะนำใช้รถแบ็คโฮเข้าไป เพื่อที่จะตักสิ่งต่างที่ถล่มลง และพังแล้วออกมา เพื่อที่จะได้ดูจุดตรงที่ไฟยังไหม้อยู่ เพราะถ้าทราบจุดก็จะทำให้ดับไฟได้ ซึ่งก็ยังไม่ทราบจะใช้เวลาขนาดไหนที่ทำการรื้อหลังคากันสาด และเข้าไปตรงไฟไหม้ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าด้านในเป็นยังไงบาง และก็ตัวตึกที่ถล่มลงมาซากปูนที่ถล่มลงมานั้นมีจำนวนมาก

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะทำทุกอย่างให้ดีและรวดเร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนบริเวณรอบๆ จุดเกิดเหตุ  โดยเป็นห่วงเรื่องมลพิษที่เกิดขึ้นจากควันที่เผาโฟมและพลาสติกที่จะเป็นอันตรายกับผู้ที่สูดอากาศเข้าไป ที่จะได้รับผลกระทบด้วย โดยจะเร่งเคลียพื้นที่ให้รวดเร็ว เพื่อจะได้ทำการดับไฟ รวมทั้งในวันพรุ่งนี้ จะมีการมอบสิ่งของพระราชทาน ให้กับประชาชนที่เดือดร้อนที่บริเวณเกิดเหตุ  ซึ่งต้องดูสถานการณ์ในพื้นที่อีกทีดังกล่าว

 

 

 

 

 

นายกฤษดา  จันทร์ดง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี ภูมิภาค สำนักข่าว ทีนิวส์