ผช.ผบ.ตร.นำทีมแถลงไล่ล่าแก๊งฉ้อโกง 323 ล้าน

ผช.ผบ.ตร.นำทีมแถลงไล่ล่าแก๊งฉ้อโกง323ล้าน

นครปฐม. ผช.ผบ.ตร. นำทีมแถลงไล่ล่าแก๊งฉ้อโกง 323 ล้าน

            ตำรวจแถลงผลการจับกุมหลังการเลือกตั้ง โดยสามารถคลี่คลายคดีฉ้อโกงเงินกว่า 323 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คนและยึดทรัพย์สิน จำนวนมาก ผู้ช่วยผู้บัญชาการแห่งชาติเร่งสางคดีเชื่อยังมีผู้ต้องหาที่ร่วมหลบหนีอีก ส่วนเหลือขอบคุณตำรวจ พร้อมบอกถูกใช้ความเชื่อใจหลอกเงิน มหาศาลด้วยพฤติกรรมใช้ชีวิตเรียบง่าย

               วันนี้ 3 เมษายน 2562 ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.ศักดา  ชื่นภักดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธนา  ชูวงศ์    ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7, รอง ผบช.ภ.7 ผบก.ภ.จว.ในสังกัด ภ.7, ผบก.สส.ภ.7  นำทีมแถลงผลการระดมกวาดล้างและจับกุมหลังช่วงการเลือกตั้ง โดยมีผลการดำเนินการในการจับกุมแก๊งช่อโกงทรัพย์ มูลค่ากว่า 323 ล้านบาท  

               พล.ต.ท.ศักดา  ชื่นภักดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่าการจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม ผู้ต้องหาประกอบด้วย1.นายชัยชนะ จันทรา ผู้ต้องหาที่ 1  2.นางสาวมาริษา โสมบ้านกวย ผู้ต้องหาที่ 2 3.นางสาว A ผู้ต้องหาที่ 3 4.นางสาว B ผู้ต้องหาที่ 4 โดยแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น เป็นปกติธุระ จำนวนเงิน 323,910,617 บาท โดยสามารถยึดของกลางมาได้ ประกอบด้วย         
         1. รถยนต์ จำนวน 13 คัน  
         2.รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน
         3.อาวุธปืน จำนวน 5 กระบอก 
         4 ไอแพ็ดและแท็บเล็ต  จำนวน 5 เครื่อง
         5.ตู้เซฟ จำนวน 1 ตู้
         6.สร้อยคำทองคำ แหวนทองคำ ต่างหูทองคำ พระเลี่ยมทอง หนัก 4 บาท
         7.บ้านพักจำนวน  9 หลัง ราคารวม 49 ล้านบาท
         8.โฉนดที่ดิน 18 แปลง และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ  รวมมูลค่าประมาณ 63,000,000 บาท

 

ผช.ผบ.ตร.นำทีมแถลงไล่ล่าแก๊งฉ้อโกง 323 ล้าน

 

            ผู้ช่วยผู้บัญชาการแห่งชาติ กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งหมดได้ ร่วมกันหลอกลวง นางสาวปาณิสราหรือสุภา ธนะสมานโชค (ผู้เสียหาย) โดยใช้อุบายว่า นางสาว B (ผู้ต้องหาที่ 4) เป็นทายาทของแพทย์หญิงสุวิภา ศรีภูมิเศรษฐ์  โดยอ้างว่าแพทย์หญิงสุวิภา ศรีภูมิเศรษฐ์   (เจ้ามรดก) ได้อาสาไปทำงานที่จังหวัดยะลาร่วมกับกองทัพบกและได้เสียชีวิตลงด้วยเหตุวางระเบิดของผู้ก่อการไม่สงบที่จังหวัดยะลา ซึ่งแพทย์หญิงสุวิภาฯ ได้ทำพินัยกรรมเกี่ยวกับทรัพย์มรดกตลอดจนสิทธิในการรับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานต่างๆ ในกรณีที่หากแพทย์หญิงสุวิภาฯ เสียชีวิตลง เป็นเงินรวมกว่าหนึ่งพันล้านบาท ให้นางสาว B (ผู้ต้องหาที่ 4) เป็นทายาทที่มีสิทธิได้รับทรัพย์สินดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว
        โดยการหลอกลวง จะวางแผนว่าการเปิดพินัยกรรม จะต้องจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการในการเปิดพินัยกรรมเป็นเงินประมาณ   235,000,000  บาท (สองร้อยสามสิบห้าล้านบาท) โดยกลุ่มผู้ต้องหาไม่มีเงินจ่ายค่าดำเนินการเปิดพินัยกรรม จึงขอยืมเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไปจ่ายเป็นค่าดำเนินการเปิดพินัยกรรม โดยหลอกลวงว่าหลังจากเปิดพินัยกรรมได้แล้วจะจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนให้กับผู้เสียหาย เป็นเงิน 300,000,000 บาท (สามร้อยล้านบาท) โดยมีการหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีของ นางสาว B ผู้ต้องหาที่ 4 และนายชัยชนะ จันทรา ผู้ต้องหาที่ 1 หลายครั้ง จำนวนรวม 597 ครั้งรวมเป็นเงิน 323,910,617 บาท โดยร่วมกันหลอกลวงและแสดงว่า นายชัยชนะ จันทรา ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นทหารชื่อ พันโทอนิรุทธิ์ สว่างอารมณ์ นางสาวมาริษา  โสมบ้านกวย ผู้ต้องหาที่ 2  เป็นทหารชื่อ ร้อยโทหญิง รัตนา คงวิเศษ เจ้าหน้าที่ทหารผู้รับผิดชอบในการดำเนินการเรื่องเปิดพินัยกรรมดังกล่าว

 

ผช.ผบ.ตร.นำทีมแถลงไล่ล่าแก๊งฉ้อโกง 323 ล้าน

 

ผช.ผบ.ตร.นำทีมแถลงไล่ล่าแก๊งฉ้อโกง 323 ล้าน

 

            ต่อมาผู้เสียหายได้เกิดความสงสัย เพราะได้โอนเงินมาจำนวนมากแล้ว กลุ่มผู้ต้องหาได้ผัดผ่อนการเปิดพินัยกรรมมาตลอดจึงได้ทำการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่อ้างว่าเป็นหมายเลขของเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายรับผิดชอบดูแลเรื่องการเบิกเงินสวัสดิการและการเปิดพินัยกรรมจึงทำให้ทราบว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของนางสาวมาริษา โสมบ้านกวย ผู้ต้องหาที่ 2 ไม่ใช่หมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ทหารแต่อย่างใด จึงทราบว่าถูกหลอกลวงและมาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง ๔ คน ตามกฎหมาย  ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ได้รับคำร้องทุกข์ไว้สอบสวนและได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนเอาไว้ และเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.7 , เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป, เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.นครปฐม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.ดอนเจดีย์ จึงได้วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 คน  โดยสามารถจับกุมผู้ต้อหาทั้ง 4 คน
               ซึ่งได้มีการขยายผล การจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดดังนี้
1.จับกุม นางสาว A  ได้ที่ บ้านพัก ต.ดอนกระเบื้อง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
               2.นางสาว B  ได้ที่บ้านพัก ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี
               3.นายชัยชนะ จันทรา ได้ที่บ้านพัก ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จว.สุพรรณบุรี
               4.นางสาวมาริษา โสมบ้านกรวย ได้ที่บ้านพัก ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จว.สุพรรณบุรี
               ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศักดา  ชื่นภักดี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับขบวนการดังกล่าว น่าจะมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่านี้ ซึ่งขอให้ผู้ที่ถูกขบวนการดังกล่าวเข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามล่ากลุ่มคนที่เหลือ และจะมีการตามไล่ยึดทรัพย์ ที่ได้มาโดยไม่ชอบ ซึ่งเป็นการทำงานที่เป็นทีมแต่ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดเรียงตัวละครไว้ครบแล้ว เชื่อว่าจะมีการจับกุมอีกต่อไป
               ส่วน หลอกลวง นางสาวปาณิสราหรือสุภา ธนะสมานโชค (ผู้เสียหาย) บอกว่า รู้จักกับหนึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมาประมาณ 2 ปี โดยใช้กลอุบายให้เกิดความเชื่อใจจึงได้ตัดสินใจโอนเงินอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ต้องหาที่พบนั้นมีการใช้ชีวิตพฤติกรรมเรียบง่ายจนตนเองหลงเชื่อใจ และให้ใจว่าจะให้คนร้ายทำงานที่กำลังประสานอยู่สำเร็จ ก่อนจะมาทราบความจริงและมีการติดตามตัวคนร้ายพร้อมของกลางรวมกว่า 100 ล้านได้สำเร็จ

 

ผช.ผบ.ตร.นำทีมแถลงไล่ล่าแก๊งฉ้อโกง 323 ล้าน

 

ผช.ผบ.ตร.นำทีมแถลงไล่ล่าแก๊งฉ้อโกง 323 ล้าน


ปนิทัศน์  มามีสุข นส.ปณิดา มามีสุข  ผู้สื่อข่าวภูมิภาคสำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครปฐม