“หญิงหน่อย-เพื่อไทย” แพ้ศึกเลือกตั้ง อย่าโทษใคร..นอกจากความล้มเหลวของตัวเอง ?

“...เท่ากับว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นเพียงพิธีกรรมที่ทำให้ดูเหมือนมีการ “คืนความสุข” ให้ประชาชน และการที่ประชาชนออกไปหย่อนบัตรลงคะแนน เปรียบเสมือนการช่วยชุบตัวให้เผด็จการดูเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นเท่านั้น...”

“...เท่ากับว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นเพียงพิธีกรรมที่ทำให้ดูเหมือนมีการ “คืนความสุข” ให้ประชาชน และการที่ประชาชนออกไปหย่อนบัตรลงคะแนน เปรียบเสมือนการช่วยชุบตัวให้เผด็จการดูเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นเท่านั้น...”

 

ข้อความบางช่วงบางตอนจาก เฟซบุ๊ก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ sudarat keyuraphan ของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย  โพสต์ไว้เมื่อวนที่ 28 เม.ย. 62 เวลา 20.20 น.

 

อ่านข่าว  :  เจ๊หน่อยบ่นยิบ!ยอมทนมา5ปีแต่ประยุทธ์ยังเอาโซ่ล่ามปชต.ไว้ 

 

“หญิงหน่อย-เพื่อไทย” แพ้ศึกเลือกตั้ง อย่าโทษใคร..นอกจากความล้มเหลวของตัวเอง ?

นี่คือปฏิกิริยาของคุณหญิงสุดารัตน์ พรรคเพื่อไทย ภายหลังการเลือก ซึ่งเมื่อผลการเลือกตั้งที่ออกมานั้นไม่ได้ไปดังใจหวัง ไว้เกิดอาการงอแง ออกมาโจมดี-สาดโคลนกล่าวหา การเลือกตั้งต่างๆนาๆ ทั้งนี้หากย้อนกลับไปก่อนนี้ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว คนจากเพื่อไทย หรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองบางกลุ่มออกมาเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้ง ให้เร็วที่สุด และที่สำคัญยังเชื่อมั่นมาตลอดว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถชนะการเลือกตั้งอย่างขาดลอยครั้งนี้ได้

 

ทักษิณ ชินวัตร”  อดีตนายกรัฐมนตรี-นักโทษหนีคดี ที่ในสายตาคนนอกต่างมองว่า เป็นเจ้าของพรรค  แม้สมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายต่อหลายคนออกแก้ต่าง ว่า นายทักษิณ เป็นเพียงบุคคลที่คนในพรรคเพื่อไทย ให้การเคารพเท่านั้น โดยหลายต่อหลายครั้ง ที่นายทักษิณออกาประกาศแสดงความมั่นอกมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จะสมารถกวาดคะแนนเสียงได้อย่างถล่มทลาย หรือที่เรียกว่า “แลนด์สไตด์”  ยกตัวอย่างเช่น

 

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 61  นายทักษิณเปิดเผยกับสื่อญี่ปุ่นว่า “เสรีภาพในการพูดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศไทย ประชาธิปไตยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจ” ส่วนเรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไปในประเทศไทยที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้านั้น นายทักษิณกล่าวว่า ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแล้ว ทางพรรคไม่อยากให้ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่พรรคมีคนดีๆ มาก สามารถจะนำพรรคไปสู่ชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ได้อีกครั้ง

 

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.61 นายทักษิณ วีดีโอคอล พูดคุยกับแกนนำ และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในงานเลี้ยงวันเกิด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีลักษณะ ตำหนิ อดีต ส.ส. บางส่วน ที่ย้ายไปร่วมงานพรรคพลังประชารัฐ และประกาศจะส่งคนรุ่นใหม่ลงเลือกตั้งแทน

“หญิงหน่อย-เพื่อไทย” แพ้ศึกเลือกตั้ง อย่าโทษใคร..นอกจากความล้มเหลวของตัวเอง ?

 

โดยนายทักษิณ ระบุว่า "ชนะทุกเขตทั้งอีสานเลย ไอ้พวกที่ไปเนี่ย ผมกำลังบอกว่าจะทวิตเตอร์ขอบคุณคนที่ออกจากพรรคไปหน่อย เอาว่าเป็นคนที่เสียสละอย่างยิ่งที่ได้เปิดโอกาสให้ให้คนรุ่นใหม่ได้มาเป็นผู้แทน ผมเลยบอกว่าใครที่อยากออกจากพรรคไปมี 2 ประการ ประการที่ 1 คือไปเก็บสตางค์แล้วเลิกเล่นการเมือง เพราะว่าพวกนี้หน้าโง่จ่ายแพง ก็เก็บตังค์ไปพักผ่อนซะ แล้วอีกประเภทหนึ่งก็คือ มั่นใจในตัวเองว่าคะแนนตัวเองสู้คะแนนพรรคไม่ได้มาโดยตลอด มาเที่ยวนี้ก็คงได้ เอาเด็กรุ่นใหม่ๆขึ้นมาแทนบ้าง เดี๋ยว จ.เลย จ.โคราช (นครราชสีมา) ต้องมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ดีมากเลย"

"ผมเป็นพวกไมค์ ภิรมย์พร ไปดีเถิดหนา พี่ขออวยพร"

 

และเมื่อวันที่23 มี.ค. 62 ก่อนการเลือกตั้งแค่วันเดียว ภายในงานมงคลสมรส น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง บุตรสาวคนเล็ก กับนายปิฎก สุขสวัสดิ์  นายทักษิณ ได้กล่าว ในตอนหนึ่งระบุว่า การเลือกตั้งเราชนะแน่นอน เป็นเสียงตัวแทนวันที่ 24 มี.ค. ที่จะมีการเลือกตั้ง มันเป็นเสียงของฝ่ายประชาธิปไตยที่เข้มแข็งมาก เพราะว่าประเทศไทยถูกลิดรอนสิทธิขาดโอกาสมา 5 ปี

 

นอกจากนั้นทุกสำนักโพลล์ ประเมินว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงเป็นอันดับหนึ่ง แต่จะไม่ได้เสียงส.ส. แต่ก็ไม่ถึง 250 เสียง และเต็มที่คาดว่าน่าจะได้ 170 เสียง ซึ่งจะแตกต่างกับการเลือกตั้งในอดีตที่ผ่าน นับตั้งแต่ นายทักษิณ ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ปี 2541 ปรากฏว่าการเลือกตั้งทั่วไป 4 ครั้งที่ผ่านมา ได้แก่ ปี 2544 2548 2550 และ 2554 ไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งในการเลือกตั้งเมื่อปี2554 พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งได้อย่างท่วมท้นถึง 265 เสียง  

แต่การเลือกตั้งในครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะด้วยกลไกลการเลือกตั้งระบบใหม่ หรือที่เรียกกันระบบสัสส่วนผสม ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้กำหนดไว้ ส่งผลทำให้ไม่มีพรรคการเมืองพรรคใด จะได้เสียงข้างมาก จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว และทำให้พรรคขนาดกลาง-เล็กมีโอกาสได้เสียงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มากขึ้น ซึ่งถือเป็นกลไกลการถ่วงดุลอำนาจ จนกระทั้งเกิดการแก้เกม งัดไม้เด็ดกลยุทธ์ “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย” แบ่งคนจะพรรคเพื่อไทย ย้ายมาเข้าสังกัด พรรคไทยรักษาชาติ ที่ประกาศตัวเป็นต้นไม้ต้นที่4 จากพรรคไทยรักไทย  หวังกวาด ให้ได้มากที่สุด โดยพรรคเพื่อไทยเดินหน้าในเก็บคะแนน-เก้าอี้ส.ส.แบบแบ่งเขต ส่วนหน้าที่ของพรรคไทยรักษาชาตินั้นจะตามเก็บคะแนน-เก้าอี้ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลีสต์

“หญิงหน่อย-เพื่อไทย” แพ้ศึกเลือกตั้ง อย่าโทษใคร..นอกจากความล้มเหลวของตัวเอง ?

 

จะใช่เรื่องบังเอิญหรือไม่ ที่พรรคเพื่อไทย และพรรคไทยรักษาชาติ ส่งผู้สมัครส.ส. การส่งผู้สมัครส.ส.เขต ระหว่างพรรคเพื่อไทย ส่งเพียง250เขต จากทั้งประเทศทั้ง350เขต ขณะที่ พรรคไทยรักษาชาติ กลับส่งผู้สมัครส.ส.เพียง 175เขต  และเมื่อนำทั้งผู้สมัครส.ส.เขต สองพรรคมาเทียบกันจะเห็นได้ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยลงเขตไหน พรรคไทยรักษาชาติจะไม่ส่งผู้สมัคร ในทางกลับกัน หากพรรคไทยรักษาชาติลงเขตไหน พรรคเพื่อไทยก็จะไม่ลงเขต  และมีเพียงไม่กี่เขตเลือกตั้ง ที่สองพรรค จะส่งผู้สมัครชนกัน จะเป็นการเว้นสลับกันอย่างมีนัยยะ

 

กระทั้งการนำเสนอรายชื่อแคนดิเดท นายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.62 ต่อมาในค่ำคืนของวันเดียวกัน พระราชโองการประกาศ การนำสถาบันเบื้องสูง มาข้องเกี่ยวกับการเมือง ถือเป็นเรื่องที่ “มิบังควร” นำมาสู่ มติของศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งพรรคไทยรักษาชาติ

 

 

“หญิงหน่อย-เพื่อไทย” แพ้ศึกเลือกตั้ง อย่าโทษใคร..นอกจากความล้มเหลวของตัวเอง ?

 

นี่คือแผนการที่ถูกคิดมาอย่างแยบยล แยกกันเดิน รวมกันดี ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของแต่ละคน แต่สุดท้ายในตอนจบจะนำมารวมกัน แต่วันนี้ ”ผิดแผน” พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบเรื่องนี้สั่นสะเทือนไปถึงพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน เพราะพรรคเพื่อไทยส่งเพียงแค่ 250เขต  โอกาสแพ้พรรคการเมืองอื่นๆเป็นไปได้สูงโดยเฉพาะพรรคใหญ่ๆไม่ว่าจะเป็น พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ต่างส่งผู้สมัคส.ส.ครอบ350เขต แน่นอนว่า โอกาสต้องมากกว่า ตามตัวเลขที่มากพรรคเพื่อไทยไม่มีทางเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล. เพราะพรรคการเมือง พรรคหนึ่งหายออกไปจากสารระบบ

 

อีกทั้งการถ่ายโอนฐานคะแนนเสียงพรรคไทยรักษาชาติ ส่งต่อให้ พรรคอนาคตใหม่ ที่สร้างปรากฏการณ์หักปากกาเซียน สามารถกวาดเก้าอี้ส.ส.  ที่จะเข้าไปนั่งในสภา ตามการประเมินสูงถึง 80 เก้าอี้  มีจำนวน ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 30 เขต และบัญชีรายชื่อ/ปาร์ตี้ลิสต์ ที่คาดการณ์เอาไว้ว่า ไม่ต่ำกว่า 50 เก้าอี้   กวาดคะแนนเสียงไปถึง6.3ล้านคะแนน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่ นอกเหนือจาก บรรดาเหล่า “ฟ้า” ทั้งหลาย  สรรพนามใช้เรียกแทนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมในตัวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ยังมีกลุ่มฐานเสียงเดิมของพรรคเพื่อไทย กลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วน และการโอนคะแนนจากพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวเป็นกลุ่มเดียว กลุ่มที่เคยเลือกเพื่อไทย แน่นอนตามหลักง่ายๆ เมื่อฝั่งของพรรคอนาคตใหม่เพิ่มขึ้น อีกฝั่งอย่างพรรคเพื่อไทยก็ลดลง อย่างไรก็ตามถึงแม้พรรคอนาคตใหม่ และพรรคเพื่อไทย จะเป็นแนวร่วมทางการเมือง  แต่อย่าลืมว่า..พรรคอนาคตใหม่ก็ไม่ใช่พรรคที่แตกตัวออกมาจากพรรคเพื่อไทย ดังนั้นจึงมีความเป็นตัวเองสูง และอย่างต่อการควบคุม หรือบงการ

 

“หญิงหน่อย-เพื่อไทย” แพ้ศึกเลือกตั้ง อย่าโทษใคร..นอกจากความล้มเหลวของตัวเอง ?

 

ดังนั้นการที่พรรคเพื่อไทย ไม่สามารถยืนในจุดที่เคยยืนได้ คงมองเป็นอื่นไม่ได้นอกเสียจากเป็นความล้มเหลวทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยเอง การตัดสินใจที่ผิดพลาด หลายต่อหลายครั้ง จนทำให้สถานการณ์พรรคเพื่อไทย ในปัจจุบัน ไม่สู้ดีนัก

และ ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ แม้จะยังไม่ได้ประกาศผลอย่างเป็นทางการ แต่ก็พอจะเห็น เค้าร่างแห่ง “ความเสื่อม” นำพาความล่มสลาย.. หากพรรคเพื่อไทยไม่ปรับตัวและมัวแต่โทษ ต่อว่าคนอื่น...

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-“สุดารัตน์”เข้าทาง “โอ๊ค-พานทองแท้” ..อาจเป็นโอกาสสุดท้ายขว้าง ชัชชาติ ขึ้นเบอร์ 1 ลิสต์ นายกฯเพื่อไทย???
-พลิกปูม​ "ทักษิณ" หักหลัง​ "สมัคร" จบชีวิตการเมืองอย่างบอบซ้ำ​ "สุดารัตน์" จะซ้ำรอย​ หรือ​ เต็มใจให้หลอก