รับน้องชวนอ้วก รุ่นพี่บังคับกินฟักทองบดในแพมเพิส

รับน้องชวนอ้วก รุ่นพี่บังคับกินฟักทองบดในแพมเพิส

เกิดเป็นประเด็นดราม่าเมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนี้ได้โพสต์ภาพการรับน้องสุดยี้ของมหาวิทยาลัยเเห่งหนึ่งระบุข้อความว่า " "รับน้องวันนี้คือแย่มาก รุ่นพี่ให้พวกเรากินฟักทองบดโดยที่เอาใส่ไว้ในถุงพลาสติกก่อนจะใส่ในแพมเพิสอีกชั้น พวกเราหลายคนอ้วก ไม่ชอบ แต่ถูกยัดช้อนเข้าไปในปาก บังคับให้กลืน หนูขอถาม พวกหนูได้อะไรจากการทำแบบนี้"

 

รับน้องชวนอ้วก รุ่นพี่บังคับกินฟักทองบดในแพมเพิส

ต่อมาเฟซบุ๊กเพจ ANTI SOTUS ได้ออกมาโพสต์ข้อความ การรับน้องโดยการเอาฟักทองบดป้อนน้องแล้วเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้เหมือนกับ....... ดูเป็นภาพที่ไม่น่ารักเท่าไร ถึงแม้ว่า จะเป็นของปลอม แต่การทำรูปลักษณ์ให้เปลี่ยนไป ภาชนะที่ใส่ ก็ชี้ให้เห็นเจตนาและจุดประสงค์แล้ว เวลาเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นมา มักจะมีคนมาพูดว่า "เขาทำกันมานานแล้ว ก็ไม่เห็นไม่มีใครตายซะหน่อย" เพราะการคิดแบบนี้แหละ เลยทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา แล้วต้องมาแก้ไขปัญหาภายหลัง ไม่ต่างอะไรจากวัวหายล้อมคอกเลย 

 

รับน้องชวนอ้วก รุ่นพี่บังคับกินฟักทองบดในแพมเพิส

รับน้องชวนอ้วก รุ่นพี่บังคับกินฟักทองบดในแพมเพิส

 

ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์แบบนี้ ทางแอดมินจะเจอกับชุดคำพูดแบบเดิม ๆ คือ "มันเป็นวัฒนธรรมที่มีมานานแล้ว จะมายุ่งหรือมาเปลี่ยนอะไร" หรือ "มันเป็นวัฒนธรรม เปลี่ยนไม่ได้" ถ้าเราลองสังเกต รอบๆตัวเรา มันมีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมตลอด ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ลอยกระทง จากที่มีเมื่อก่อนใช้ต้นกล้วย ปัจจุบันเรามีกระทงขนมปัง กระทงน้ำเเข็ง สารพัดกระทงมาให้เลือกลอย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันก็เป็นการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม วัฒนธรรมมีพลวัตตลอดเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง อะไรที่ไม่จำเป็นก็จะหายไป เพราะมันไม่ตอบสนองความต้องการของสังคมแล้ว การที่บอกว่าวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ดูจะเป็นการติดยึดมากไปซะหน่อย

 

รับน้องชวนอ้วก รุ่นพี่บังคับกินฟักทองบดในแพมเพิส

 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก ANTI SOTUS