- 02 ต.ค. 2559
ติดตามข่าวเพิ่มได้ที่ www.tnews.co.th
วันนี้ ( 2 ต.ค.) มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.) เว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีการดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 ลงนามโดย นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา ประกาศ ณ วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559 โดย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคสอง มาตรา ๗ วรรคสาม มาตรา ๓๖ วรรคหนึ่ง มาตรา ๔๖ วรรคสอง (๗) และมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. ๒๕๕๙ ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาออกข้อบังคับไว้ จำนวน 4 หมวด 39 ข้อ โดยหมวด 1 ว่าด้วย บททั่วไป และ หมวด 2 ว่าด้วยการพิจารณา พิพากษาคดีและวิธีการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานคดี
โดยในหมวด 3 ว่าด้วยการอุทธรณ์ ข้อ 25 ระบุว่า ในการยื่นอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งไม่ได้ถูกคุมขัง จำเลยต้องมาแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาล หากจำเลยร้องขอขยายระยะเวลาแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาล ให้ระบุถึงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องขอขยายระยะเวลาพร้อมแสดงหลักฐานและที่อยู่หรือช่องทางที่สามารถติดต่อกับจำเลยได้ การพิจารณาคำร้องให้ศาลคำนึงถึงความหนักเบาของโทษที่จำเลยได้รับ พฤติการณ์หรือโอกาสที่จำเลยอาจหลบหนีรวมถึงความสุจริตในการต่อสู้คดีของจำเลยประกอบกันในการแสดงตนของจำเลย ให้เจ้าพนักงานศาลดำเนินการ
ข้อ 26 ระบุว่า ในการยื่นอุทธรณ์ หากจำเลยซึ่งไม่ได้ถูกคุมขังไม่มาแสดงตน หรือเมื่อครบกำหนดขอขยายระยะเวลาแสดงตนแล้ว จำเลยไม่มาแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาล ให้เจ้าพนักงานศาลทำรายงานเจ้าหน้าที่เสนอต่อศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นส่งฟ้องอุทธรณ์ดังกล่าวพร้อมสำนวน รวมทั้งรายงานเจ้าหน้าที่ไปยังศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป
นอกจากนี้ ในหมวด 4 ว่าด้วยการยื่นฎีกา ข้อ 27 ระบุว่า ในการยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาของจำเลยซึ่งไม่ได้ถูกคุมขัง จำเลยต้องมาแสดงตนต่อเจ้าพนักงานศาล โดยให้นำหมวด 3 มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม ส่วนข้อ 37 ในกรณีที่องค์คณะผู้พิพากษาเห็นว่าคำร้องมิได้ปฏิบัติตามข้อ 30 หรือปัญหาตามคำร้องทั้งหมดมิใช่ปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย ให้มีคำสั่งยกคำร้องและไม่รับฎีกาโดยแสดงเหตุผลโดยย่อ แล้วส่งสำนวนความคืนศาลชั้นต้นเพื่อแจ้งให้คู่ความทราบโดยเร็ว.
อ่านฉบับเต็ม ได้ที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/A/087/1.PDF