เทียบชัดๆ สองเคส บอส กระทิงแดง VS ลูกเศรษฐีสิงคโปร์ ขับรถชนตร.คล้ายกัน แต่ผลลัพธ์ต่างกัน

สืบเนื่องจากกรณีที่ สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น (CNN) ได้ระบุถึงการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ดำเนินการถอนหมายจับ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส กระทิงแดง แล้ว หลังจากอัยการได้วินิจฉัยสั่งไม่ฟ้อง ผู้ต้องหารายดังกล่าว ในความผิดฐานขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจสายตรวจ สน.ทองหล่อ จนเสียชีวิต ก่อนจะได้นำส่งหนังสือแจ้งไปยังนายวรยุทธ ถึงบ้านพักในกรุงเทพฯแล้ว โดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น อ้างบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.สน. ทองหล่อ ว่า กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอน หลังจากได้รับทราบความเห็นของอัยการ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ก่อนนำไปสู่เอกสารเรื่อง แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2562 และการแจ้งถอนหมายจับก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน

สืบเนื่องจากกรณีที่ สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น (CNN) ได้ระบุถึงการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย  ดำเนินการถอนหมายจับ   นายวรยุทธ อยู่วิทยา  หรือ  บอส กระทิงแดง แล้ว  หลังจากอัยการได้วินิจฉัยสั่งไม่ฟ้อง ผู้ต้องหารายดังกล่าว ในความผิดฐานขับรถชน  ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ  ตำรวจสายตรวจ สน.ทองหล่อ  จนเสียชีวิต   ก่อนจะได้นำส่งหนังสือแจ้งไปยังนายวรยุทธ ถึงบ้านพักในกรุงเทพฯแล้ว  โดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น   อ้างบทสัมภาษณ์ของ   พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก.สน. ทองหล่อ  ว่า กระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอน หลังจากได้รับทราบความเห็นของอัยการ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา  ก่อนนำไปสู่เอกสารเรื่อง แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2562  และการแจ้งถอนหมายจับก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตร. เปิดเผยว่า ตำรวจ ได้รับเรื่องของคำสั่งเด็ดขาดสั่งไม่ฟ้องจากสำนักงานอัยการสูงสุด ทำให้ต้องถอนหมายจับในประเทศไทยที่ยังมีอายุความ  และต้องประสานไปยังตำรวจสากลเพื่อถอนหมายอินเตอร์โพลทั้งหมด เช่นเดียวกับในส่วนของการส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็ต้องถูกยกเลิกเช่นเดียวกัน

 

เทียบชัดๆ สองเคส บอส กระทิงแดง VS ลูกเศรษฐีสิงคโปร์ ขับรถชนตร.คล้ายกัน แต่ผลลัพธ์ต่างกัน

 

อ่านข่าว - รองโฆษกตร.โยนอสส.สั่งไม่ฟ้อง ตร.แค่เห็นพ้อง บอส กระทิงแดง หลุดคดีทำด.ต.วิเชียรเสียชีวิต

 

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ หากยังจำกันได้ เนื่องจากเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้นั้น ไม่ได้มีขึ้นที่เมืองไทยที่เดียว ทว่าที่ประเทศสิงคโปร์ ก็เกิดคดีนี้เช่นกัน แต่ผลลัพธ์ของคดีนั้นกลับออกมาตรงกันข้าม ซึ่งหนุ่มคนนั้นคือ หลี่ เฉิงหยาง ลูกเศรษฐีสิงคโปร์ ขับมาเซราติลากตำรวจไปตามถนน โดนเต็มๆ 10 ข้อหา

 

 

ทั้งนี้ เว็บไซต์ Channel News Asia รายงานว่า ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 นายหลี่ เฉิงหยาง ลูกเศรษฐีของสิงคโปร์ ซึ่งในขณะนั้นถูกแบนไม่ให้ขับรถ ได้ฝ่าฝืนกฎด้วยการขับรถยนต์มาเซราติไปตามถนนโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจลาดตระเวนเห็นเข้า จึงส่งสัญญาณให้นายหลี่หยุดรถ ทว่า นายหลี่กลับไม่ยอมหยุดรถ กลับพยายามเร่งเครื่องหนี แต่สุดท้ายก็ต้องมาหยุดรถที่แยกถนนริมอ่างเก็บน้ำเบดอก ตัดกับถนนจามัล ดาไม

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงจากรถ และเดินไปยังฝั่งประตูข้างคนขับ นายหลี่เห็นท่าไม่ดีจึงกลับรถกะทันหัน และเร่งเครื่องรถเต็มแรง ทำให้ชุดเครื่องแบบของตำรวจนายนี้ติดที่ประตูรถของนายหลี่ เป็นผลให้ตำรวจถูกลากไปตามถนน โดยนายหลี่เร่งเครื่องรถยนต์ไปด้วยความเร็วถึง 124 กม./ชม. ซึ่งสุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ก็สะบัดหลุดจากรถ และต้องเข้าพักรักษาอาการบาดเจ็บที่เข่า คอ และหลัง อาการบาดเจ็บส่งผลให้นายตำรวจท่านนี้ถูกย้ายไปทำงานอื่น ไม่สามารถทำงานตำรวจจราจรได้อีกต่อไป

 

เทียบชัดๆ สองเคส บอส กระทิงแดง VS ลูกเศรษฐีสิงคโปร์ ขับรถชนตร.คล้ายกัน แต่ผลลัพธ์ต่างกัน

หลังจากที่สะบัดตำรวจได้แล้ว นายหลี่ก็พยายามหนี แต่ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไล่กวดนายหลี่ ด้านนายหลี่ได้ฝ่าไฟแดง 2 ครั้ง ขับรถสวนเลน ไม่ยอมให้สัญญาณเวลาจะเลี้ยว และเมื่อพ้น นายหลี่ก็ได้ทิ้งรถมาเซราติไว้กลางถนน และถอดเสื้อโยนทิ้งถังขยะ

 

 

อย่างไรก็ตาม นายหลี่ไม่สามารถพ้นเงื้อมมือกฎหมาย ทางอัยการได้ฟ้องนายหลี่ทั้งหมด 10 ข้อหา รวมไปถึงข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่, ไม่ยอมหยุดรถเข้าช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม โดยที่ผู้พิพากษาได้ตัดสินว่านายหลี่มีความผิดทั้ง 10 ข้อหา ส่วนในเรื่องของการตัดสินคดีและบทลงโทษนั้น ทางศาลได้นัดนายหลี่มาฟังคำพิพากษา ทว่า นายหลี่กลับไม่มาศาล โดยอ้างต่อศาลด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพ พร้อมยื่นใบรับรองแพทย์ต่อศาล ประกอบกับเป็นช่วงโควิด 19 จึงต้องมีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไปก่อน

 


สำหรับ บอส วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถเฟอร์รารี่ลากตำรวจไปตามถนน อัยการสั่งไม่ฟ้อง นั้น เมื่อ ย้อนกลับไปวันที่ 3 กันยายน 2555 นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง ได้ขับรถยนต์ชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งาน (ป.) สน.ทองหล่อ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนถนนสุขุมวิท จนทำให้ ด.ต. วิเชียร เสียชีวิต รอยน้ำมันที่อยู่บนถนนกลายมาเป็นเบาะแสสำคัญที่ลากยาวไปถึงบ้านของบอส และภายในบ้านยังพบรถเฟอร์รารี่ที่มีรอยบุบด้านซ้าย ในขณะนั้นมีการสอบปากคำ บอส บอกว่า เขาไม่ใช่คนขับ คนที่ขับคือพ่อบ้าน แต่สุดท้ายก็สามารถจับได้ว่าคนขับรถในวันนั้นคือ บอส

 

เทียบชัดๆ สองเคส บอส กระทิงแดง VS ลูกเศรษฐีสิงคโปร์ ขับรถชนตร.คล้ายกัน แต่ผลลัพธ์ต่างกัน

 

ด้านตำรวจทองหล่อได้แจ้งความบอสใน 3 ข้อหา คือ ขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน และขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่ด้วยกระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า จนเป็นเหตุให้บอสหลุดคดีไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน, ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากคดีหมดอายุความ

 

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดคดี บอสได้วางเงินประกัน 5 แสนบาท และออกนอกประเทศ เมื่อมีการเรียกให้มาขึ้นศาล ทนายก็จะแจ้งว่าบอสติดภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือ นักข่าวเอพีตามไปถึงบ้านของบอสในกรุงลอนดอน พยายามจี้ถามบอสถึงคดีที่เกิดขึ้น แต่บอสก็ไม่ตอบและหลบเข้าไปในบ้าน นอกจากนี้ยังมีการขุดคุ้ยว่าบอสใช้ชีวิตหรูหรา บินรอบโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตสุดหรู

 

เทียบชัดๆ สองเคส บอส กระทิงแดง VS ลูกเศรษฐีสิงคโปร์ ขับรถชนตร.คล้ายกัน แต่ผลลัพธ์ต่างกัน