ตำรวจตั้งข้อหา 6 ผู้เกี่ยวข้องคดีเด็กม.3 โดนปืนลั่นเสียชีวิตคาห้องคอมพ์ ชี้เด็กเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แค่พกปืนขู่อริในโรงเรียน

พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี แถลงหลังเดินทางมาติดตามความคืบหน้าในคดีนักเรียนชั้นม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นนทุบรี เสียชีวิตภายในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ โดยจากการสอบสวนทราบว่าเป็นเหตุปืนลั่น ซึ่งในวันเกิดเหตุน้องต้า ผู้ก่อเหตุ เอาปืนมาที่โรงเรียน โดยปกปิดไม่ให้อาจารย์รู้ ซุกซ่อนไว้ในเสื้อกันหนาว ในระหว่างอยู่ในที่เกิดเหตุปืนเกิดลั่น ไปโดนน้องโชค จนเสียชีวิต หลังจากน้องโชคล้มลง อาจารย์ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุตกใจ และรีบแจ้งเหตุ ด้วยความตกใจจึงเข้าใจไปว่าคีย์บอร์ดระเบิด

ตั้งข้อหาแล้ว ผู้เกี่ยวข้องคดีปืนลั่นใส่น้องโชค งานนี้ มีเอี่ยว 6 คน

เบื้องต้น ตำรวจระบุจากการสอบสวนทราบว่า น้องต้าไม่ได้พกปืนมาโรงเรียนครั้งแรก เนื่องจากมีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียน จึงพกปืนมาขู่ แต่ไม่ได้ปัญหากับผู้เสียชีวิต เนื่องจากน้องต้ากับน้องโชคเป็นเพื่อนรักอยู่ในกลุ่มเดียวกัน

ส่วนปืนไทยประดิษฐ์ที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนของเพื่อนรุ่นพี่ที่มีความรู้ทางช่างเป็นคนทำปืนขึ้นมาเอง ซึ่งหลังเกิดเหตุทางต้าได้ติดต่อหาเจ้าของปืนและเพื่อนว่าทำปืนลั่นใส่เพื่อน แล้วจึงเอาไปอาวุธปืนไปทิ้งที่คลองบางไผ่

ล่าสุด ตำรวจตั้งข้อหาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 6 คน ทั้งผู้ก่อเหตุและเพื่อนที่มีส่วนร่วมในการก่อเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน ซึ่งเป็นรุ่นพี่ผู้ก่อเหตุ 1 ใน 5 คนที่ช่วยนำปืนไปโยนทิ้งในคลองหน้าโรงเรียน เบื้องต้นมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุ 
พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ยิงปืนในที่สาธารณะ และกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต

ส่วนเจ้าของปืน และเพื่อนที่ช่วยนำไปทิ้ง ถูกตั้งข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง และร่วมกันให้การช่วยเหลือทำลายพยานหลักฐาน

ซึ่งเพื่อนทั้ง 5 คนนี้อยู่ในความคุมควบของตำรวจ สภ.บางบัวทอง ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ก่อนตำรวจจะนำน้องต้าเข้าไปเพิ่ม และจะนำทั้ง 6 คนไปที่ ศาลเยาวชนบ่ายวันนี้ (16 ก.ย. 65) 

หลังจากนี้จะมีการนำตัวทั้ง 6 คนไปทำการจำลองเหตุการณ์เพื่อหาวิถีกระสุน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะไปจำลองที่ไหน เมื่อไหร่ 

ส่วนวิถีกระสุนจำมีการจำลองเหตุการณ์ และจะมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติม รวมถึงรอผลจากพิสูจน์หลักฐานภายใน 2 สัปดาห์จึงจะทราบผล

ตั้งข้อหาแล้ว ผู้เกี่ยวข้องคดีปืนลั่นใส่น้องโชค งานนี้ มีเอี่ยว 6 คน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่ thainewsonline