ลูกน้องเล่าวีรกรรม "ผู้กองอ๊อด" ประจันหน้าคนร้ายก่อนพลีชีพเหตุลอบบึ้ม

จากกรณีเหตุสะเทือนขวัญ คนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์แฟลตตำรวจนราธิวาส ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 43 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ ร.ต.อ.สุทธิรักษ์ พันธนิยะ หรือ "ผู้กองอ๊อด" รองสารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที

ล่าสุดส.ต.อ.พงษ์ศธร ทรัพย์เที่ยง ผบ.หมู่ (จร.) สภ.เมืองนราธิวาส และเป็นพลขับของผู้กองอ๊อด ได้เปิดเผยกับทางรายการทุบโต๊ะข่าว อัมรินทร์ทีวี เล่าวีรกรรมผู้กองอ๊อด ขณะเกิดเหตุ ได้ประจันหน้าคนร้าย และเป็นคนสั่งให้กันคนไม่ให้เข้าพื้นที่ ซึ่งช่วยชีวิตใครได้อีกหลายๆคน

โดยส.ต.อ.พงษ์ศธร เล่าว่า ขณะเกิดเหตุได้ประจำจุดตรวจตรงข้ามโรงเรียนนราสิกขาลัยเปิดเผยทั้งน้ำตานองหน้า ว่าก่อนเกิดเหตุ 2-3 วัน ผู้กองพูดเป็นลางสังหรณ์กับตนเองว่าอยากจะไปหาลูกสาวคนกลางที่เรียนแพทย์ ซึ่งจะจบการศึกษาในปีหน้า 2566 ผู้กองฯ บอกว่านาน ๆ ลูกจะรวมตัวกัน 3 คนพี่น้อง และเจอกันแบบครอบครัวพ่อแม่ลูก

และในวันเกิดเหตุ ส.ต.อ.พงษ์ศธร เล่าว่า ผู้กองอ๊อด กำลังเตรียมไปเข้าเวร ซึ่งเวลาเข้าเวรคือ 14.00น. ตอนนั้นผู้กองเห็นว่ามีรถต้องสงสัยเข้ามาจอด ผู้กองก็รีบเดินไปชี้พร้อมตะโกนถามว่า "เข้ามาจอดทำไม" และบอกว่าห้ามคนนอกเข้ามาจอด และเมื่อคนร้ายหนีจึงบอกให้จราจรนายหนึ่งขี่รถตามคนร้ายไปแต่ตามไม่ทัน

จากนั้นมีรุ่นพี่ตำรวจจราจรนายหนึ่งได้ยินพอดีและรีบสั่งไม่ให้คนเข้าพื้นที่ แต่เป็นช่วยหลังจากที่คนร้ายเดินหนีไปแล้ว ผู้กองอ๊อดก็ยังชะโงกตามดูคนร้าย ซึ่งตอนนั้นเหตุเกิดขึ้นเร็วมาก ผู้กองพยายามตะโกนบอกทุกคนให้ระวัง แต่เพียง 3 นาทีหลังคนร้ายเดินออกไปก็เกิดระเบิดขึ้นทันที

ส.ต.อ.พงษ์ศธร บอกว่า นาทีก่อนระเบิดนั้นหากว่าผู้กองไม่ตะโกนบอกให้จราจรข้างนอกระวังตัวและสกัดคนเข้ามาไม่ทัน อาจจะมีคนเจ็บและเสียชีวิตมากกว่านี้ นาทีนั้นพูดไม่ออก ภาพที่เห็นคือทุกคนล้มกันระเนระนาด ส่วนตัวอยู่ห่างมาราว 50 เมตร เร่งปิดกั้นจราจรทันที ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าผู้กองโดนระเบิดแล้ว คิดเพียงว่าพี่น้องตำรวจโดนเท่านั้น

อยากฝากถึงผู้กองว่าผู้กองฯทำงานดีที่สุดแล้ว ขอให้ผู้กองฯ หลับให้สบาย น้อง ๆ ทุกคนรักผู้กองฯ ส่วนพวกตนจะเข้มแข็งและสู้ต่อไป ผู้กองเป็นตำรวจที่ดีมาก ไม่เคยรับสินบนใด ๆ และเขาสอนน้อง ๆ ทุกคนว่าให้เป็นตำรวจที่ดี มีวินัย ทำตามหน้าที่ และต้องพูดจากับประชาชนให้ดี ข้อความนี้ย้ำเตือนตนตลอด

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline