- 21 ก.ย. 2566
นาทีตำรวจสอบสวนกลาง บุกชาร์จ นายกบางแก้ว เรียกรับสินบนจากผู้ประกอบการ แลกสัญญาลงนาม ยึดของกลางเงินสดกว่า 1.5 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. จับกุม นายณัฐพงศ์ฯ นายกเทศมนตรีบางแก้ว เรียกรับสินบนผู้ประกอบการ พร้อมตรวจยึดเงินสด 1.5 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ที่ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
สืบเนื่องจากตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้รับร้องเรียนว่า นายณัฐพงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มีพฤติกรรมเรียกรับสินบนผู้ประกอบการ แลกกับการลงชื่ออนุมัติในหนังสือคู่สัญญา โดยนายณัฐพงศ์ฯ ได้เรียกรับสินบนกับผู้ประกอบการที่ชนะประมูลโครงการจัดซื้อจอ LCD เป็นจำนวน 25% ของวงเงินสัญญา (มูลค่าวงเงินสัญญา 12 ล้านบาท) โดยนัดหมายให้ผู้ประกอบการนำเงินมามอบให้ก่อนครึ่งหนึ่ง คิดเป็นจำนวนเงิน 1.5 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อถึงกำหนดนัดหมาย ตำรวจสอบสวนกลาง ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. วางแผนร่วมกันจับกุมนายณัฐพงศ์ฯ นายกเทศบาลเมืองบางแก้ว โดยสามารถจับกุมนายณัฐพงศ์ฯ พร้อมตรวจยึดเงินสดของกลางจำนวน 1.5 ล้านบาท นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ระหว่างเข้าจับกุม นายณัฐพงศ์ฯ ได้มีการโยนถุงดำซึ่งภายในบรรจุเงินของกลางเข้าไปบริเวณใต้ท้องรถ เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พฤติการณ์นายกเทศบาลเมืองบางแก้ว
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปปป. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารของ เทศบาลเมืองบางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มีพฤติกรรมเรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการ จำนวนร้อยละ 25 ของวงเงินตามสัญญา แลกกับหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนามอนุมัติ ในโครงการจัดซื้อ จอ LCD ซึ่งต่อมาบริษัทของผู้เสียหาย ได้เข้ายื่นเสนอราคาแข่งขันในระบบ e-bidding และมีการแจ้งผลการแข่งขันราคา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา และเป็นผู้ชนะการเสนอราคาดังกล่าว
แต่ปรากฏว่าถูกทางผู้บริหารของ เทศบาลเมืองบางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เรียกเข้าไปคุยเจรจา พร้อมขอเงินค่าหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนาม จำนวนร้อยละ 25 ของวงเงินตามสัญญาที่ได้มีการหักค่าภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว (หรือประมาณ 12,485,046.27 บาท) โดยให้จ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง คิดเป็นเงินจำนวน 1,560,630.84 บาท ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียหาย จึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.
ซึ่งจากการสืบสวน มีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอเชื่อได้ว่า นายณัฐพงศ์ ฯ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ฯ มีพฤติการณ์ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินตามที่ผู้เสียหายมาร้องทุกข์จริง และเห็นว่าผู้กระทำผิดเป็นถึงเจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้บริหาร ของเทศบาลเมืองบางแก้ว ซึ่งได้ใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่ในทางมิชอบและโดยทุจริตเรียกรับสินบนจากผู้เสียหายดังกล่าว ประกอบกับมีข้อมูลว่าเคยมีพฤติกรรมเรียกรับเงินในลักษณะเดียวกันกับผู้ประกอบการอื่นมาแล้วหลายราย
เป็นที่มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ประสานความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ของ ปปช. ปปท. เพื่อใช้วิธีวางแผนเข้าจับกุมในขณะที่ทำการส่งมอบเงินกัน โดยได้นัดหมายให้ผู้เสียหายนำเงินสดจำนวน ๑,๕๖๐,๖๓๐.๘๔ บาทมาลงบันทึก ปจว.ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ในการส่งมอบให้ นายณัฐพงศ์ ฯ ตามที่มีการเจรจากันก่อนหน้านี้
กระทั่งถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้นัดให้ผู้เสียหาย นำเงินสด 1,560,650 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนหกหมื่นหกร้อยห้าสิบบาท) ที่ลง ปจว.เป็นหลักฐานแล้ว ไปส่งมอบให้กับ นายณัฐพงศ์ ฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ ปปป. และปปช. ปปท.ได้วางกำลังซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ ก่อนที่จะมีการส่งมอบเงินตามที่มีการเจรจากันไว้
จากนั้นขณะที่ นายณัฐพงศ์ ฯ กำลังเดินออกมาจากศูนย์การค้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัว เพื่อเข้าจับกุม แต่ทันใดนั้น นายณัฐพงศ์ รีบวิ่งไปบริเวณรถของตนเอง ก่อนจะรีบโยนถุงสีดำ ซึ่งภายในบรรจุเงินของกลาง เข้าไปบริเวณใต้ท้องรถ เจ้าหน้าที่จึงรีบควบคุมตัว นายณัฐพงศ์ ฯไว้ทันที
จากการตรวจสอบภายในถุงสีดำ ดังกล่าว พบเงินสด 1,560,650 บาท มีหมายเลขบนธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ ลง ปจว.ไว้ทุกฉบับ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้นายณัฐพงศ์ ฯ พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ จากนั้นนำตัวผู้ต้องไปตรวจค้นที่ห้องทำงาน และสถานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสวนสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีต่อไป