รวบ "สามีกีกี้ แม็กซิม" พร้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 300 ล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เดินหน้าทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Shutdown one billion Hybrid Scam รวบเพิ่ม 4 ผู้ต้องหาหนึ่งในนั้นมีสามีของกีกี้ แม็กซิม ที่เพิ่งโดนจับไปก่อนหน้า

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 มีรายงานตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เดินหน้าทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Shutdown one billion Hybrid Scam รวบเพิ่ม 4 ผู้ต้องหา ยึดทรัพย์อีก 300 ล้านบาท โดย 1 ใน 4 ผู้ต้องหาคือสามีกีกี้ แม็กซิม ที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้

 

รวบ สามีกีกี้ แม็กซิม พร้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 300 ล้าน

รวบ สามีกีกี้ แม็กซิม พร้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 300 ล้าน

 

โดย​​​กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกับ เจ้าหน้าที่อัยการจากสำนักงานอัยการสูงสุด เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด ในพื้นที่ 2 จังหวัด (กรุงเทพมหานคร และ สมุทรปราการ ) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ได้แก่

1. นายรวน หง หลิน (สัญชาติจีน) ( สามี กีกี้ แม็กซิม ) ผู้ต้องหาในคดีที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ,รับผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ต้องหาในองค์กร, ฟอกเงินโดยการดำเนินกิจการในรูปแบบ โรงแรม ผับบาร์ หรู , เงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท ) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4362/2566 ลง 23 พ.ย.2566

2. น.ส.จ้าว เย่ (สัญชาติจีน)  ( พี่สาวคนสนิทหัวหน้าองค์กร , รับผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ต้องหาในองค์กร, เงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4364/2566 ลง 23 พ.ย.2566

3.น.ส.ลาวัลย์ ฯ (ภรรยาคนจีน, บัญชีม้า,กระเป๋าวอลเล็ตม้า) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2750/2566 ลง 28 ส.ค.66

4.น.ส.สาวิตรี ฯ (บัญชีม้า, กระเป๋าวอลเล็ตม้า ,รับจ้างแลกเงิน) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1735/2566 ลง 28 ส.ค. 66 ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน" 

รวบ สามีกีกี้ แม็กซิม พร้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 300 ล้าน

 

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 341 มาตรา 342 มาตรา 343 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (1) (ฉบับแก้ไข พ.ศ.2560) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 มาตรา 25 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (3) มาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา มาตรา 9 มาตรา 60

 

รวบ สามีกีกี้ แม็กซิม พร้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 300 ล้าน

 

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายได้ถูกกลุ่มคนร้ายใช้โปรไฟล์ Facebook ปลอมเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเข้ามาพูดคุยตีสนิท จนผู้เสียหายไว้เนื้อเชื่อใจ ก่อนชักชวนให้ร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ผ่านเว็บไซต์ปลอม ก่อนหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเหรียญดิจิทัลเข้าไปยังกระเป๋าเหรียญดิจิทัลของคนร้ายอย่างต่อเนื่อง  จากนั้นก็บล็อกช่องทางติดต่อ  ทั้งนี้ยังพบว่าคนร้ายกลุ่มนี้ได้มีการขายเหรียญดิจิทัลที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะนั้นพบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท

 

รวบ สามีกีกี้ แม็กซิม พร้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 300 ล้าน

 

กระทั่งเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย บก.ปอท., บก.ป. และ บก.ปอศ. ชุดปฏิบัติการหนุมาน เจ้าหน้าที่อัยการจาก สำนักงานอัยการสูงสุด เจ้าหน้าที่ ปปง. ได้สนธิกำลังจำนวนกว่า 270 นาย เปิดปฏิบัติการทวงคืนแผ่นดิน ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Shutdown one billion Hybrid Scam เงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท (PIG BUTCHERING) เข้าตรวจค้น และจับกุม ผู้ร่วมขบวนการชาวจีน และกลุ่มผู้จัดหาและรวบรวมบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า, กลุ่มรับจ้างเปิดบัญชีม้าและกระเป๋าวอลเล็ตม้า รวมถึงผู้บริหารดูแลเรื่องฟอกเงินขององค์กรอาชญกรรมข้ามชาติกลุ่มดังกล่าว ที่ตั้งตนเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงผู้เสียหาย โดยขณะนั้นสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งสิ้นจำนวน 9 ราย ประกอบด้วยชาวจีน 2 ราย ชาวไทย 7 ราย (หนึ่งในนั้น คือน.ส.จักรีณา ฯ หรือ กีกี้ แม็กซิม) และสามารถยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. ได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่องและพบว่ากลุ่มคนร้าย มีรูปแบบการฟอกเงิน โดยใช้วิธีการยักย้ายถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด หรือเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบ้านหรู รวมถึงนำเงินไปลงทุนในธุรกิจเล้าจ์ ร้านอาหาร ในพื้นที่รัชดา ซอย 4 ซึ่งมี น.ส.จักรีณา ฯ หรือ กีกี้ แม็กซิม (ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้) เป็นเจ้าของ และยังพบชื่อของ นายรวน หง หลิน สามีกีกี้เป็นผู้บริหาร มีมูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท

 

รวบ สามีกีกี้ แม็กซิม พร้อมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 300 ล้าน

 

จากข้อมูลข้างต้นนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าวเพิ่มเติม อีกจำนวน 4 ราย ประกอบด้วยชาวจีน 2 ราย ชาวไทย 2 ราย ได้แก่ นายรวน หง หลิน (สัญชาติจีน) , น.ส.จ้าว เย่ (สัญชาติจีน)  , น.ส.ลาวัลย์ ฯ และ น.ส.สาวิตรี ฯ

ล่าสุด ช่วงวันที่ 24-28 พ.ย.66 เปิดปฏิบัติการ เฟส 2 “เดินหน้าทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Shutdown one billion Hybrid Scam” สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 4 ราย โดยแต่ละรายพบความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับขบวนการเครือข่ายดังนี้ 1.นายรวน หง หลิน (สัญชาติจีน) (สามี น.ส.จักรีณา ฯ หรือ กีกี้ แม็กซิม ) เป็นผู้รับผลประโยชน์จากกลุ่มเครือข่ายอาชญากรรม และนำไปฟอกเงินในรูปแบบธุรกิจผับบาร์ ร้านอาหารหรู 2.น.ส.จ้าว เย่ (สัญชาติจีน) เป็นคนสนิทและรับผลประโยชน์โดยตรงจากหัวหน้าองค์กรอาชญากรรม พบมีเงินหมุนเวียน กว่า 100 ล้านบาท 3.นางสาวลาวัลย์ ฯ เป็นภรรยาชาวจีน ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้ากระเป๋าเงินดิจิทัล รับจ้างแลกเงิน ซึ่งพบเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท และ 4.น.ส.สาวิตรี ฯ  ทำหน้าที่เป็นบัญชีม้ากระเป๋าเงินดิจิทัล รับจ้างแลกเงินเช่นเดียวกัน

สำหรับการตรวจค้นจับกุมในครั้งล่าสุดนี้ สามารถตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อมาตรวจสอบได้หลายรายการ ประกอบด้วย บ้านหรู จำนวน 2 หลัง มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท, เล้าจ์ มูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท, รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด จำนวน 3 คัน, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวนหลายรายการ และ สุราต่างประเทศ มูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 300 ล้านบาท

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา กว่า 3 เดือน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.1 บก.ปอท. ได้สืบสวนสอบสวน จนนำไปสู่การปฏิบัติการ ทวงคืนแผ่นดิน ทลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ Shutdown one billion Hybrid Scam (PIG BUTCHERING)  ทั้ง 2 เฟสนั้น ทำให้สามารถเข้าตรวจค้นและจับกุมเครือข่ายกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกลุ่มนี้ได้จำนวนมาก สามารถตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อทำการตรวจสอบ รวมมูลค่าแล้วกว่า 1,300 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านหรู จำนวน 19 หลัง, เล้าจ์ ร้านอาหาร มูลค่าการลงทุนกว่า 200 ล้านบาท, รถยนต์หรู จำนวน 14 คัน, เงินสด รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท, สร้อยคอทองคำ กว่า 10 รายการ, นาฬิกาหรู และกระเป๋าแบรนเนมด์, คอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก, โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชีธนาคาร จำนวนหลายรายการ และ สุราต่างประเทศ มูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท  

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ขอให้ประชาชนศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนให้ถี่ถ้วน ก่อนการลงทุนทุกครั้ง, อย่ารีบตัดสินใจลงทุนหรือหลงเชื่อบุคคลอื่นที่ชักชวนโดยง่าย เพราะปัจจุบันมิจฉาชีพมัก แอบอ้างข้อมูลที่ปลอมขึ้นมาเองทั้งหมดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และอย่าตัดสินใจลงทุนเพียงเพราะเห็นว่ารูปแบบ เว็บไซต์นั้นดูน่าเชื่อถือ ควรมีการตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
​สอบถามคำให้การผู้ต้องหา เบื้องต้นให้การภาคเสธ