หนุ่มซิ่งรถบรรทุกชนดะ20 คัน หนี ตร. ยิงสกัดไม่หยุดพุ่งชน ตร. เจ็บ 3

จากกรณีที่มีคนขับรถบรรทุกคนหนึ่งซิ่งรถหลบหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจจนต้องมีการสกัดจับกุมและไล่ล่าตัวถึงขั้นตำรวจต้องใช้ปืนยิงยางสกัดแต่คนขับรายนี้ยังไม่ยอมมอบตัวและหยุดรถแต่ปราการณ์ใดแถมยังชนดะทั้งรถตำรวจ รถกู้ชีพ รถนักข่าว และรถชาวบ้านพากันได้รับความเสียหายกว่า 20  คัน ซิ่งหลบหนีไกลกว่า20กิโลเมตร จนมาจนมุมที่ใต้ BTS สถานีทิพวรรณ  บนถนนเทพารักษ์ กม  2 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจับกุมคนขับรายนี้เอาไว้ได้และจาการตรวจค้นภายในรถไปพบยาบ้าสามเม็ดบรรจุในซองพาสิติกใส ตำรวจจึงคุมตัวผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายที่สภ.สำโรงใต้  ซึ่งผู้สื่อข่าวพยามสอบถามตัวผู้ต้องหารายนี้ เจ้าตัวก็ยังคงยืนกราน ว่าตนเองไม่ได้เสพยาบ้ามา แต่ที่ต้องซิ่งหนีตายแบบนั้นเพราะอ้างว่าตกใจที่ตำรวจเรียกตรวจ ตนตกใจจึงขับรถหลบหนี 

 

   

ขณะที่ช่วงค่ำที่ผ่านมา พล.ต.ต. วิชิต  บุญชินวุฒิกุล  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เดินทางไปที่สภ.สำโรงใต้ เพื่อตรวจสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ พร้อมทั้งสั่งการให้ รองผู้บังคับการที่เกี่ยวข้องลงมาดูคดีในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะถือว่าเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจและมีผู้เสียหายจำนวนมาก  

 

  

พล.ต.ต. วิชิต  บุญชินวุฒิกุล  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ  บอกว่า สำหรับคดีนี้ ก่อนอื่นต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฎิบัติทุกนายรวมถึงสื่อมวลชนที่ช่วยกันเก้าสกัดจับและชุดจับกุมดังกล่าว ถือว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว ถึงแม้ว่าการเก้าสกัดจับกุมครั้งนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 3 นาย แต่ก็ยังโชคดีที่บาดเจ็บเล็กน้อย รวมถึงไม่มีประชาชนได้รับอันตรายถึงขั้นบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ส่วนตัวผู้ต้องหารายนี้ นั้น จากการตรวจสอบนอกจากยาบ้าที่พบสามเม็ดแล้วยังพบสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีการเสพยาบ้ามาก่อนที่จะขึ้นมาขับรถ ซึ่งหลังจากนี้ตนเองได้กำชับพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกตัวผู้ประกอบการเจ้าของรถมาสอบสวนเพิ่มเติมและตรวจสอบสินค้าภายในรถด้วยว่าถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น คงเป็นความรับผิดโดยตรงกับทางตัวผู้ต้องหาและบริษัทรถขนส่ง ส่วนข้อหาที่จะดำเนินการกับทางผู้ต้องหารายนี้ นั้น ในเบื้องต้นคือ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในขณะปฎิบัติหน้าที่ , มีสารเสพติดในร่างกายขณะขับขี่ยานพาหนะ , มียาเสพติดประเภท 1 ยาบ้าไว้ในความครอบครองเพื่อเสพ , ขับรถโดยประมาทไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ,ขับรถประมาทเป็นเหตุทำให้ทรัพย์สินของทางราชการและผู้อื่นได้รับความเสียหาย ,ส่วนจะเข้าข่ายพยามฆ่าเจ้าพนักงานในขณะปฎิบัติหน้าที่ด้วยหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างสอบสวนหากพบว่าเป็นการเข้าข่ายก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มทันที 

 

   

สิบตำรวจตรี พีรพัฒน์  อ่องผู้ดี ผบ.หมู่จราจรปฎิบัติหน้าที่บนทางด่วนบูรพาวิถี เล่าว่า ตนเองและเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นกำลังปฎิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกงานจราจรบนทางด่วนกาญจนาพิเศษ ระหว่างนั้น สังเกตเห็นรถบรรทุกคันนี้ต้องสงสัย จากการติดธงชาติของประเทศเพื่อนบ้านอีกทั้งคนขับมีสีผมสีทองคล้ายกับเป็นบุคคลต่างด้าว จึงเรียกรถให้ชิดขอบทางด้านซ้ายเพื่อให้หยุดรถ เพื่อคนขับจอดรถชิดขอบทางด้านซ้ายจึงเชิญตัวลงมาจากรถเพื่อตรวจสอบบัตรประชาชนและใบอนุญาตขับขี่ แต่คนขับรายนี้อ้างว่าไม่มีและไปหยิบที่รถ ซึ่งในขณะนั้นตนเองเริ่มได้กลิ่นแปลกๆคล้ายกับกลิ่นของยาบ้าโชยมาจากตัวคนขับแล้ว แต่พอคนขับเดินกลับไปที่รถก็ขับรถเร่งเครื่องหลบหนีทันทีจึงไล่ติดตามและวิทยุสกัดจับ ดังกล่าว  

 

ส่วน นาย อนุวัฒน์   ซ้อนภู่  หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกผู้ต้องหารายนี้ขับรถชน เล่านาทีเกิดเหตุให้ฟังว่า ขณะนั้นตนเองจอดรถติดอยู่ที่แยกปู่เจ้า ระหว่างนั้นสังเกตเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมายืนโบกคล้ายกับจะบล็อกรถอะไรบางอย่าง ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่กี่นาทีต่อมาหันไปเห็นว่ามีรถบรรทุกคันหนึ่งพุ่งมาชนด้านข้างอย่างเร็วและขับหลบหนีไปโดยมีรถตำรวจไล่ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด พอเห็นว่ามีรถตำรวจไล่ติดตามไปตนเองจึงหาที่จอดข้างทางในที่ปลอดภัยเพื่อแจ้งประกันและตำรวจภายหลังจนมาทราบว่าคนขับรถที่พุ่งชนขับรถหลบหนีตำรวจมา

 

 

ขอบคุณเพจ ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ