- 02 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.attarote.com
จัดว่าเป็นละครพีเรียดฟอร์มยักษ์แห่งปี สำหรับละครดัง "บุพเพสันนิวาส” ที่ทำให้แฟนละครติดตามกันงอมแงมเลยทีเดียว แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ความสนุกอย่างเดียวที่คนดูจะได้รับ แต่ละครเรื่องนี้ยังให้ถึงความรู้ในประวัติศาสตร์
อย่างบทบาท "ออกญาโหราธิบดี" บุคคลสำคัญของวงการแต่งหนังสือในสมัยพระนารายณ์มหาราช ที่ได้นักแสดงรุ่นใหญ่ อย่าง "นิรุตติ์ ศิริจรรยา" มาร่วมเล่นบทนี้ โดยในอดีต "ออกญาโหราธิบดี" เป็นผู้นิพนธ์หนังสือ “จินดามณี” ในปี พ.ศ.2215 ซึ่งถือเป็นหนังสือแบบเรียนเล่มแรกของไทย มีเนื้อหาครอบคลุมเรื่อง การใช้สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ การแจกลูก การผันอักษร อักษรศัพท์ อักษรเลข การสะกดการันต์ ฯลฯ
และจากการที่จินดามณีเป็นแบบเรียนของไทย ทำให้มีหนังสือแบบเรียนไทยในยุคต่อๆ มาใช้ชื่อ “จินดามณี” เช่นเดียวกัน เช่น จินดามณีฉบับความแปลก จินดามณีครั้งแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ จินดามณีฉบับกรมหลวงวงษาธิราชสนิท เป็นต้น
แต่ในชีวิตจริง "นิรุตติ์ ศิริจรรยา" ได้หลีกเร้นหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่ไปใช้ชีวิตที่บ้านไร่จังหวัดจันทบุรีมากว่าห้าปีแล้ว
หลังสูญเสีย "คุณอรวรรณ ศิริจรรยา" ภรรยาผู้เป็นที่รัก จากอุบัติเหตุเมื่อปี 2539 เขาก็เดินทางไปอยู่สหรัฐอเมริกานานถึงหกปี ก่อนจะกลับมาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงเมืองไทยอีกครั้ง และครองตัวเป็นโสดตลอดมา ระหว่างการสัมภาษณ์ ทุกคำถามถูกตอบอย่างตั้งใจ บางช่วงที่เอ่ยถึงภรรยา น้ำเสียงและแววตาแสดงให้รู้ว่ายังมีความเจ็บปวดหลงเหลืออยู่ ใครต่อใครต่างสงสัยว่า ผู้ชายที่ใช้ชีวิตบั้นปลายแต่เพียงลำพังขาดคนรู้ใจ จะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาบ้างเชียวหรือ คำกล่าวที่ว่า "โสด…แต่สุข"
ใช้อะไรเยียวยาจิตใจตัวเอง หลังจากสูญเสียภรรยา... ภรรยาผมเสียเมื่อปี 39 จากนั้นก็หยุดรับงาน เงินเลยหมด ตั้งใจว่าจะไปขายบ้านที่ซื้อไว้ที่อเมริกา แต่บ้านไม่เหมือนข้าวแกงจะได้ขายกันได้ง่ายๆ ผมไปเดือนสิงหาฯ แต่กว่าจะขายได้ก็เดือนกุมภาฯ ทีนี้ยังไงไม่รู้ ผมไปซื้อบ้านต่ออีกหลังแล้วอยู่ต่ออีกหกปี โดยไม่ได้ทำงานอะไรเลย
"ผมเรียนรู้ว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา สวดมนต์ไหว้พระผมก็สวดอยู่ แต่ตอนนั้นไม่ว่าทำอะไรก็ช่วยไม่ได้ คนจะมาบอกว่า เศร้า ก็ไปนุ่งขาวห่มขาว บวชชีพราหมณ์สิ ซึ่งผมว่านั่นเป็นแฟชั่น ตอนนั้นผมรู้ว่าไม่มีอะไรจะช่วยได้ ต้องนิ่งอย่างเดียว จะบอกว่าให้ไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานแล้วจะทำให้ทุกข์หาย ก็คงไม่จริงหรอก เพราะเวลาที่ทุกอย่างในหัวมันปั่นป่วน เหมือนกับเฮอร์ริเคนเข้ามา เวลานั้นเราไม่สามารถเอาอะไรไปกั้น สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้คือต้องปล่อยมันไป ผมจึงใช้วิธีปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ วันนี้คิดมาก พรุ่งนี้ก็คิดให้น้อยลงมาหน่อย เวลาเท่านั้นที่จะช่วยได้ ไม่มีผู้วิเศษคนไหนที่จะทำให้ทุกข์หายทันที ธรรมะก็เหมือนกัน ต้องใช้เวลา ไม่มีใครหรอกที่จะนำธรรมะมาช่วยได้ทั้งหมดในทันที"
สำหรับผมชีวิตคู่ไม่ได้อยู่เพื่อมีเซ็กซ์อย่างเดียว ยิ่งพอแต่งงานกันแล้ว เรื่องนี้กลับกลายเป็นอันดับสุดท้ายของวัน คือ ตื่นขึ้นมาอย่างแรกต้องคุยกันก่อน ดื่มกาแฟทานอาหารเช้า ออกไปทำงาน ไปเที่ยวหาอะไรกินด้วยกัน และสุดท้ายถึงจะมีเซ็กซ์ ถ้าใครคิดจะมีคู่เพื่อนอนอย่างเดียวคงไม่ต้องแต่งงานก็ได้ ทุกคนสามารถอยู่กับใครก็ได้ แต่การอยู่กับสามีหรือภรรยาต้องอยู่ ด้วยอารมณ์ความรู้สึก ไม่ใช่หน้าที่ คู่ไหนบอกว่าอยู่ด้วยหน้าที่ ผมว่าไปไม่รอด ส่วนใหญ่เวลาผู้ใหญ่ให้พร ท่านจะขอให้ "รักและเข้าใจกัน" ซึ่งคำว่า "รัก" เป็นนามธรรมมาก มองไม่เห็น บางครั้งพูดเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการเท่านั้น แต่ "เข้าใจ" เป็นเหตุและผล ความเข้าใจสำคัญกว่า ถ้าคุณเข้าใจผม คุณจะไม่มาเซ้าซี้คุยในเวลาที่ผมต้องการอยู่คนเดียว ผมว่าความเข้าใจสำคัญ เพราะทำให้คนเรารักกันมากยิ่งขึ้น ถามว่าตอนนี้อยากมีใครไหม ผมก็อยากมีคนเข้าใจ แต่กลัวมีแล้วเขาตายก่อน ถ้าจะมาเป็นเมียผม สัญญาได้ไหมว่าจะ ไม่ตายก่อนผม ไม่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนหัวสมองจะแตกอีก แต่จริงๆแล้วผมก็ไม่มีปัญหาอะไรในการอยู่อย่างนี้ เพราะอายุก็มากแล้ว
"ผมไม่ยึดติดว่าความสุขต้องเป็นเรื่องราวที่ผ่านมา แล้วทำให้ยิ้มได้ เท่านั้น ความสุขของผมเกิดขึ้นได้ทุกวันทุกเวลา แล้วแต่ว่าจะไปเจอะเจอใครหรือทำอะไร หรือไปอยู่ในสถานที่ไหน ความสุขที่ผ่านมาผมไม่เคยจำ ส่วนความทุกข์ที่ผ่านมาก็ทิ้งไปหมด ทุกวันนี้เราก็มีความสุขได้ แค่ตื่นเช้าขึ้นมา ได้ดื่มน้ำดีๆ ดื่มกาแฟอร่อยๆ หอมๆ ก็มีความสุขแล้ว ต้องเข้าใจสัจธรรมว่า ความสุขความทุกข์ไม่อยู่กับเรานาน ถ้าทุกข์นานก็ฆ่าตัวตายไป หรือถ้าสุขอยู่กับเรานานเกินไป ก็อาจจะหัวเราะคนเดียวจนต้องเข้าโรงพยาบาลบ้า เพราะฉะนั้นชีวิตเราจึงควรปนไปด้วยสุขและทุกข์ ไม่มีอะไรจีรัง ไม่มีอะไรจะอยู่กับเราได้ตลอดไป แม้กระทั่งตัวเราเอง"
"บางคนบอกว่า "งานทำให้มีความสุข" ซึ่งผมไม่รู้สึกอย่างนั้นทั้งหมด งานไม่ได้ทำให้เรามีความสุข แต่เราต่างหากที่บังคับจิตใจของเราให้ "มีความสุขกับงาน" ตัวงานจริงๆ มีความเครียด ต้องคิด มีปัญหาให้เราแก้ไข แต่เราจะมองงานนั้นอย่างไร อย่างหมอผ่าตัดลงไปในเนื้อคน เลือดพุ่งจี๊ด ถามว่าตอนนั้นหมอมีความสุขไหม…คงไม่ แต่จะมีความสุขต่อเมื่อคนไข้หายป่วย ผลจากงานมากกว่าที่ทำให้เรามีความสุข เพราะได้ทำประโยชน์เพื่อคนอื่น"
เคล็ดลับของการอยู่เป็นโสด…แต่มีความสุข ในแบบของนิรุตติ์ ศิริจรรยา ... "รู้จักเก็บเกี่ยวความสุขเล็กๆ จากสิ่งใกล้ตัว เช่นอาหารอร่อยๆ เพื่อนร่วมงานดีๆ ธรรมชาติที่สวยงาม ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเพื่อรบกวนตัวเองและคนอื่นให้น้อยที่สุด แบ่งเวลาทำประโยชน์เพื่อสังคม เข้าใจสัจธรรมของชีวิตว่าทุกข์สุขไม่จีรัง เพื่อละวางจากความยึดติด ใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบวินัย เพื่อความสำเร็จของงาน ให้ความสำคัญและมีความสุขกับผลของงานมากกว่าตัวงานที่ต้องทำ"






