รู้ความจริงสุดซึ้ง เจี๊ยบ เชิญยิ้ม เคลียร์ใจในรอบปี เเจ๊คป่วยไมไม่ช่วยน้อง

เจี๊ยบ เชิญยิ้ม ควงน้องชาย แจ๊ค เชิญยิ้ม เปิดอกเคลียร์ดราม่า ทะเลาะกันถึงขั้นตัดขาดพี่น้องจริงมั้ย ตกเป็นจำเลยสังคมทำไมพี่เจี๊ยบไม่ช่วยแจ็ค เห็นน้องป่วยขนาดนี้

 ออกสื่อเปิดใจครั้งแรกในรอบปี เจี๊ยบ เชิญยิ้ม ควงน้องชาย แจ๊ค เชิญยิ้ม  เปิดอกเคลียร์ดราม่า พี่-น้องทะเลาะกัน โดนเมาท์ทะเลาะหนักตัดพี่ตัดน้อง เเถมตกเป็นจำเลยสังคมทำไมไม่ช่วยน้องที่ป่วยหนัก พร้อมเผยวีรกรรมน้องชายติดหญิงจนหนีออกจากบ้าน ในรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีหนิง ปณิตา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

รู้ความจริงสุดซึ้ง เจี๊ยบ เชิญยิ้ม เคลียร์ใจในรอบปี เเจ๊คป่วยไมไม่ช่วยน้อง
อัพเดตอาการคุณแจ็คหน่อย เป็นยังไงบ้าง?
แจ็ค : วัณโรคปอดครับ 2 ปีแล้วที่ป่วยมา ตอนนี้เริ่มดีขึ้นเยอะมากกว่าเดิม น่าพอใจ ตอนที่แจ็คมาครั้งแรกกับแฟนแจ็คให้ประมาณ 80% ตอนนี้ให้สัก 96.75% แล้วกัน ดีขึ้นเยอะครับ

พอเป็นวัณโรคปอด แล้วมีสถานการณ์โควิด พี่กังวลไหม เพราะเวลามันลงไปที่ปอด?
แจ็ค : มันจะหนักกว่าคนอื่น แน่นอน แจ็คต้องระวังมากกว่าคนที่ไม่ป่วย เพราะวัณโรคปอดมันปอดโดยตรง โควิดโอไมครอนมันลงปอดโดยตรง ถ้าเกิดเราพลาดขึ้นมา นั่นมันหมายถึงว่าเราต้องหนักกว่าคนอื่นคูณ 2-3 เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ต้องระวังที่สุด

รู้ความจริงสุดซึ้ง เจี๊ยบ เชิญยิ้ม เคลียร์ใจในรอบปี เเจ๊คป่วยไมไม่ช่วยน้อง

ทำไมมันใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน?
แจ็ค : จริงๆ วัณโรคปอดหายขาด 6 เดือน 9 เดือน สำหรับคนที่ป่วยไม่หนักมาก ของแจ็คอยู่ในเคสที่มันหนัก น้ำหนักลด มีอาเจียนเป็นลิ่มเลือดด้วย อาจจะดื้อยาด้วย ทำให้รักษานานกว่าคนอื่นหน่อย แต่ตอนนี้ค่อนข้างจะฟื้นฟูขึ้นมาดีมากๆ แล้ว

จริงๆ สองคนนี้เป็นพี่น้องที่รักกัน ไม่มีดราม่าอะไรเลย?
แจ็ค : ต้องถามเขา
เจี๊ยบ : ไม่มีเลย

พี่เจี๊ยบรักน้องขนาดไหน?
เจี๊ยบ : ก็รักที่สุด เป็นคนในครอบครัว คำว่าพี่น้องยังไงมันก็ทิ้งกันไม่ได้ ถามว่าทะเลาะกันไหม ไม่เคยทะเลาะกันเลยแต่การแสดงความรักอาจจะไม่เหมือนคนอื่นเขา 1.พี่ไม่ค่อยเล่นโซเชียล ไม่ค่อยมีรูปถ่ายด้วยกัน แต่จริงๆ กิจกรรมกับครอบครัวเราก็มีกันบ่อยนะ แต่เราไม่ได้อัพรูปลงโซเชียล
 

แต่ประเด็นตอนที่พี่แจ็คป่วย ก็จะมีเพื่อนที่รู้ว่าพี่แจ็คกำลังลำบาก ทุกคนก็ช่วยเหลือพี่แจ็ค ช่วยหญิงเพราะเขาเป็นเกี่ยวกับเรื่องไต มันก็เลยเกิดประเด็นว่าทำไมพี่เจี๊ยบไม่ช่วยแจ็ค?
เจี๊ยบ : ทำไมจะไม่ช่วยละครับ จริงๆ ช่วย แต่ว่าบางทีคนก็ไม่รู้ น้องแจ็คไม่มีงาน ดร๊อปงานไปมันก็ต้องมีค่ารักษาพยาบาล ถ้าเจี๊ยบไม่ซัพพอร์ตตรงนี้ใครเขาจะมาซัพพอร์ต ทั้งหมดทั้งสิ้นก็จากพี่ แต่เราไม่ได้ออกมาพูด เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟัง เราก็รู้กันอยู่ ถ้าน้องเดือดร้อน น้องไม่มีจริงๆ คนที่จะพึ่งได้จะเป็นใคร นอกจากคนในครอบครัว นั่นก็คือพี่เอง

รู้ความจริงสุดซึ้ง เจี๊ยบ เชิญยิ้ม เคลียร์ใจในรอบปี เเจ๊คป่วยไมไม่ช่วยน้อง


พอเจอประเด็นเราไม่ได้ผิด แต่เราถูกสังคมพูดว่าเราผิดๆ เราไม่มีน้ำใจ เราไม่ช่วยเหลือ เชื่อว่าพี่คงเห็นข่าวแบบนั้น?


เจี๊ยบ : บ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ค่อยเสพข่าวพวกนี้ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเรารักกัน เราไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้มีอะไรกัน ที่สุดแล้วผมว่าไม่ใช่ครอบครัวเราอย่างเดียวหรอก คำว่าพี่น้อง เป็นครอบครัวอื่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา ไม่ว่าจะทะเลาะกันหรือว่าอะไรกัน คำว่าครอบครัวยังไงมันก็ต้องช่วยกัน

พี่แจ็คไม่บอกพี่เจี๊ยบว่าป่วย ไม่ขอความช่วยเหลือจากพี่เจี๊ยบเลย เพราะอะไร?
แจ็ค : แจ็คเป็นคนขี้เกรงใจ
เจี๊ยบ : เอาง่ายๆ เลย เจี๊ยบกับแจ็ค มีหลายครั้งที่น้องเกิดอุบัติเหตุ รถชน คนที่ถึงคนแรก เจี๊ยบจะถ่ายอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ เจี๊ยบต้องพักกองแล้วรีบไปหาน้องก่อน คนแรกที่ถึงโรงพยาบาลต้องเป็นเจี๊ยบก่อน ต้องไปจัดการให้ทุกสิ่ง ทุกอย่าง

รู้ความจริงสุดซึ้ง เจี๊ยบ เชิญยิ้ม เคลียร์ใจในรอบปี เเจ๊คป่วยไมไม่ช่วยน้อง
แจ็ค : ด้วยความที่เราเป็นคนขี้เกรงใจ ด้วยเรื่องของค่าใช้จ่าย เรื่องของอะไรก็แล้วแต่ เราโดนสอนมาว่าถ้าเราทำอะไรได้ด้วยตัวเราเองก่อน โดยที่ยังไม่ต้องไปพึ่งพาใคร แม้กระทั่งครอบครัว มันก็จะรู้สึกว่าเราไม่รบกวนคนอื่น แล้วแจ็คป่วย เรายังพอดูแลตัวเองได้ มันยังพอซัพพอร์ตได้ มันยังพอพาตัวเองไปโรงพยาบาลได้ แล้วหลังจากนั้นค่อยบอกกับครอบครัวว่านี่เราป่วยนะ อยู่ที่นี่ดีกว่า คือเป็นคนขี้เกรงใจ


เจี๊ยบ : ไม่ใช่แค่เจี๊ยบคนเดียวนะครับ แม้กระทั่งคุณแม่ แจ็คยังไม่บอกคุณแม่เลย พวกเราก็ไม่รู้มันไปแอบป่วยอยู่คนเดียว


แจ็ค : มันไม่ได้แอบป่วยหรอก คือรอให้มันจัดการอะไรทุกอย่างเรียบร้อย แล้วเราก็ห่วงความรู้สึกของคนรอบตัวเราว่าถ้าเราบอกว่าเราป่วย เดี๋ยวเขาจะแพนิกหรือเปล่า รอให้ชัวร์ รอให้นิ่งก่อน เราไม่ได้เป็นอะไรมากนะ อยู่ในมือหมอแล้วอะไรแบบนี้ดีกว่า

พี่เจี๊ยบน้อยใจไหม ทุกครั้งเราต้องไปถึงคนแรก แต่ทำไมครั้งนี้น้องถึงไม่ยอมบอกพี่?
เจี๊ยบ : ไม่น้อยใจ ผมว่าผมรู้จักนิสัยน้องผมดี เป็นคนติสท์ๆ เก็บตัว ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยโทรหาครอบครัว 1.ก็กลัวพี่จะเดือดร้อน กลัวแม่จะเดือดร้อน มาเป็นห่วงไม่ทำมาหากินกันหมดมัวแต่เป็นห่วงมันคนเดียว

ทำไมต้องเกรงใจพี่เจี๊ยบขนาดนั้น?
แจ็ค : ไม่ได้เกรงใจพี่เจี๊ยบคนเดียวด้วย เกรงใจทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา เพราะว่าพ่อกับพี่เจี๊ยบสอนมาว่า เราทำอะไรด้วยตัวเราเองก่อนดีกว่า ถ้ามันไม่หนักหนามาก เอาใจเขามาใส่ใจเรา เดี๋ยวเอะอะก็มีคนมาให้เราช่วย มาเห็นเราเพิ่งพาได้ เรารู้สึกว่าครั้งแรกมันอาจจะช่วยได้ ครั้งต่อไปเดี๋ยวก็ต้องมาช่วยอีก สู้เราทำอะไรด้วยตัวเองดีกว่า ไม่ได้รวมถึงเรื่องนี้ คือทุกเรื่องที่ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย การทำงาน การดูแลตัวเองทุกเรื่อง มันช่วยเหลือตัวเองก่อนดีกว่าในความคิดแจ็ค มันก็เลยเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว


เจี๊ยบ : เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เจี๊ยบโตที่ต่างจังหวัด น้องแจ็คก็อยู่กับพ่อ เรามาเจอกันตอนโต ความสนิทมันก็ไม่ได้สนิทเหมือนพี่น้องคนอื่นที่เขาโต เขาคลานตามกันมา แบบว่าเล่นด้วยกัน โตมาด้วยกัน เราไม่ได้โตกันมาแบบนั้น เรามาเป็นพี่น้องกันตอนที่เจี๊ยบมาเข้าวงการแล้ว นั่นก็คือพ่อให้มาเล่นตลก แล้วน้องก็กำลังเรียนอยู่ เราเริ่มมาสนิทกันตอนนี้ เพราะฉะนั้นการแสดงออกถึงความเป็นพี่น้องมันก็เลยจะน้อยกว่าครอบครัวอื่นเขา

จริงๆ คือรักกันมาก?
เจี๊ยบ : รักครับ บางทียังแอบถามตัวเองเลยว่าตัวเองรักครอบครัวขนาดไหน คือมาคิดแล้ว ทั้งหมดมันคือสายเลือด มันคือน้องเรา ไม่ว่าจะโตมาด้วยกันหรือเปล่า ความผูกพันก็มีในสายเลือด เรารู้ทันทีว่าเรารักครอบครัว แล้วเราก็รักน้องเรา สิ่งที่จะทำต่อไปคือรับผิดชอบน้องสองคน แต่การดูแลตอนที่เขาป่วยไม่ป่วยเนี่ย เพราะเขามีแฟน เจี๊ยบก็มีแฟนต่างคนต่างมีครอบครัว เราอยู่กันคนละบ้าน การสื่อสารมันอาจจะห่างกันนิดนึง ประกอบกับคาเฟ่ตอนนี้เราไม่ได้เล่นกันแล้ว เราก็ไม่ได้เจอกันทุกวัน นอกจากถ่ายรายการเดียวกัน แต่ก็จะส่งข่าวหากัน จนเขาไม่ไหวจริงๆ เขาถึงโทรมายืมเงินผม

เสียใจไหม?
เจี๊ยบ : เสียใจครับ มันยืมแล้วมันไม่คืนเลยครับ
แจ็ค : นานๆ ทีจะขอร้อง ก็เอาให้หนักไปเลยครับผม ก็คือเป็นก้อนใหญ่ไปเลย น่าจะคุ้มกว่า
เจี๊ยบ : เอาก้อนเล็กๆ แล้วค่อยขยับไปก้อนใหญ่ดีกว่าแจ็ค บางทีกูช็อกกูเตรียมตัวไม่ทัน

พอรู้เรื่องวิกฤตของพี่แจ็คแล้ว ลึกๆ ก็กลัวว่าจะเสียพี่แจ็คไป?
เจี๊ยบ : เป็นสิ่งที่กลัวมาก จากภาพที่เราเห็น จากที่เขาดูแลตัวเอง ฟิตเนสตลอดเวลา มีกล้ามเนื้อ แล้วกลายเป็นคนนอนติดเตียงมันก็ช็อกเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็ไปถาม ดันเป็นโรคที่มันรักษายากมาก นั่นก็คือ วัณโรคปอด ก็คือดูแลแล้วก็สอบถามจากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่นีโน่ก็มีส่วนช่วยที่เอาแจ็คไปโรงพยาบาล ไปพบกับหมอที่ดีๆ หน้าที่ของเจี๊ยบก็คือไปเยี่ยม ไปดู เรื่องหมอพี่โน่เขาจัดการให้แล้ว


พี่เจี๊ยบแอบนอนร้องไห้ปรึกษาภรรยา เพราะเป็นห่วงน้องคนนี้มาก?
เจี๊ยบ : 2 คนจะพูดถึงตลอดเวลา จนทุกวันนี้หญิงแฟนแจ็คป่วย แจ็คมาป่วยอีก คุยกันอยู่ 2 คนมันเกิดอะไรขึ้นกับน้องวะ ทำไมมันต้องป่วยทั้งคู่ แทนที่คนนึงป่วย อีกคนดูแลกัน ก็เป็นห่วงกลัวเขาจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็โชคดีที่มันดีขึ้นตามการรักษาของหมอ ก็กลัวเหมือนกัน กลัวจะเสียน้อง

อาการพี่แจ็คตอนนี้ดูเหมือนเริ่มเหนื่อย?
แจ็ค : ไม่เหนื่อยมาก แต่ว่าพออากาศมันเย็นเราหายใจเข้าไปมันก็จะมีความแน่นหน้าอกของการเป็นเอฟเฟ็กต์ของโรคหน่อยนึงถ้าสตูที่มันเย็นมากๆ หรือดื่มน้ำเย็นมากๆ มันจะมีอาการที่เหมือนจะแน่นๆ หน่อยนึง แต่ว่าก็ยังพอไหวอยู่

พอเรากลับมาทำงาน เราอยู่ในสตูค่อนข้างเย็นแล้วฝุ่น มันส่งผลกระทบไหม?
แจ็ค : แน่นอน ถ้าแจ็คอยู่แบบนี้นานๆ มากกว่านี้ สัก 3-4 ชั่วโมงในการถ่ายงานครั้งนึงมันก็จะมีอาการแน่นหน้าอกบางทีถึงกับหายใจไม่ออก ไม่รวมถึงเวลาที่เราแสดงที่ต้องใช้พลังเยอะๆ การพักของแจ็คคือการออกไปด้านนอก เพื่อปรับอากาศ แล้วก็หายใจให้มันโล่งขึ้น การใส่แมสก์แน่นอนมันป้องกัน แต่ใส่ตลอดเวลาออกซิเจนมันจะไม่พอ ซึ่งมันต้องบาลานซ์ตรงนี้ให้ดีที่สุด

พี่เสียใจไหมข่าวที่เขียนโจมตีพี่ พี่ไม่ดูดำ ดูดี พี่ไม่อะไร?
เจี๊ยบ : ไม่ครับ ผมว่าให้ดูกันยาวๆ ดีกว่า การตัดสินตรงนั้นก็แค่ตรงนั้นอะครับ เราไม่ได้เลิกเป็นพี่ เป็นน้องกันเดือนสองเดือน เราจะต้องเป็นพี่เป็นน้องกันตลอดไป แล้วทุกคนจะเห็นภาพว่าครอบครัวศรีหนุ่ม ครอบครัวของเราเป็นแบบนี้นะ แต่การปฏิบัติตัว การเล่นโซเชียล อยู่ตรงนั้น ตรงนี้ กิจกรรมในครอบครัว มันมี แต่แค่เราไม่ได้ถ่ายทอดให้ทุกคนได้เห็น

ในวันที่พี่แจ็คป่วย พี่เจี๊ยบได้ให้กำลังใจไหม?
เจี๊ยบ : เป็นคนนึงที่ไปเยี่ยมแล้วไม่เคยทำให้มันเศร้า แบบโห หุ่นดีเหลือเกิน ทำยังไงกูถึงจะได้ผอมแบบมึง กลายเป็นแหย่กันมากกว่า นี่ก็บอกว่าพี่ลองเป็นอย่างผมไหมละ

รู้ความจริงสุดซึ้ง เจี๊ยบ เชิญยิ้ม เคลียร์ใจในรอบปี เเจ๊คป่วยไมไม่ช่วยน้อง

พี่ต้องประคองทั้งครอบครัว แล้วด้วยสถานการณ์โควิดอีก มีเซบ้างไหม?
เจี๊ยบ : มันเซตลอดแหละครับ ต้องบอกว่าโควิดที่ผ่านมาวงการบันเทิง เรื่องงานแสดงหยุดหมดเลยเกือบ 2 ปี แน่นอนเราต้องเอาของเก่ามากิน ทีนี้เราต้องประครองตัวแหละว่าเราจะอยู่ยังไง แม้กระทั่งธุรกิจที่ทำอยู่ ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เราเปิดมา จากที่มีลูกค้าได้อาทิตย์นึงโควิดมามันหายไปเลย กลายเป็นศูนย์เลย ทีนี้ต้องประคองตัวทำยังไงให้มันอยู่ได้ช่วยเราก่อน ช่วยครอบครัวให้มันไปได้ พอมีช่องทางแล้วค่อยเดินไปด้วยกัน

เอากำลังใจจากไหนมาสู้ขนาดนี้?
เจี๊ยบ : จากคนในครอบครัวนี่แหละครับ มันเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดแล้วก็เพื่อนในวงการด้วย คนในครอบครัว ภรรยาเนี่ยจะให้กำลังใจกัน ไม่ท้อ ไม่เหนื่อย ไม่รู้สึกว่าทำตัวเองให้เหนื่อยกับคนที่เขาหวังกับเรา ที่อยากจะพึ่งเรา ถ้าเราเป๋คนนึงเราดูแย่มาก เราไม่ไหว เราจะถอยแล้วนะ มันก็ดูไม่แข็งแรงสำหรับคนที่กำลังเดินตามเรา เพราะฉะนั้นเราจะไม่แสดงว่าเราไม่ไหวแล้วนะ ใครจะรู้ว่าร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊งไปเท่าไหร่ มันขาดทุนไปเท่าไหร่ เราลงทุนขนาดนี้เราไม่ได้อะไรกลับมาเลย แล้วเงินไปไหน ถ้าเกิดว่าเจี๊ยบมานั่งเล่นโซเชียล มาโพสต์ว่ามันไม่ไหวแล้วนะ ใครต้องช่วยผมด้วย มันก็ไม่ใช่วิสัยของผมที่จะมาแสดงออกตรงนั้น ช่วยตัวเองก่อน

คุณพ่อบอกว่าฝากพี่เจี๊ยบ ดูแลพี่แจ็ค ตอนนั้นคุณพ่อพูดยังไงบ้าง?
เจี๊ยบ : พ่อไม่ได้พูดครับ พ่อพูดไม่ได้ พ่อนอนติดเตียงอยู่ พวกเราก็ไปอยู่ข้างเตียงกันไปคุยกับเขา จนเขาเริ่มรับรู้ พ่ออยากบอกอะไรพวกเราไหม เขาก็ใช้วิธีเขียน เขาขอกระดาษกับปากกา เขาเขียนแบบไม่ค่อยถนัด อ่านไม่ค่อยออก แต่ผมก็เดาออกว่า อย่าทิ้งครอบครัวพ่อนะ คือมันทิ้งไม่ได้ครับ เราไม่อยากทิ้งอยู่แล้ว ยิ่งพ่อพูดมาอย่างนี้มันทิ้งไม่ได้ ไม่น่าทิ้งใหญ่เลย ถ้าสมมติผมทิ้งไป ไม่รับผิดชอบน้องทั้งหมด ไม่รับผิดชอบแม่ คนที่รู้สึกผิดที่สุดคือเป็นตัวเจี๊ยบเอง และมันจะเป็นตราบาปในใจตลอดไป

พี่แจ็ครู้ไหมว่าพี่ชายเป็นห่วงเรามากขนาดนี้?
แจ็ค : มันรับรู้ได้ตลอดเวลาอยู่แล้วในเรื่องของการเป็นห่วงกันหรือว่าดูแลกัน แจ็คว่าเราแทบจะไม่ต้องเอ่ยปากถามกันเลย บางทีเรามาเจอกันตามงานที่เราถ่ายงานด้วยกัน บางทีเราไม่ได้พูดถึงเรื่องราวที่แบบเป็นยังไงบ้าง เรารู้อยู่แล้วว่าพี่เราคิดยังไงกับเรา เขารู้ว่าเราคิดยังไงกับเขา มันรู้เองอัตโนมัติมากกว่า แล้วเขาก็เป็นคนแรกเสมอที่แจ็คจะคิดถึงในทุกเรื่อง เขาเป็นคนให้โอกาสเราตั้งแต่แรกจนวินาทีนี้ เขาสอนเราว่าถ้าสามารถให้โอกาสใครได้ก็ให้ เขาให้โอกาสเราทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องธุรกิจ

 

 

อยากบอกอะไรพี่ชายคนนี้ไหม?
แจ็ค : มันแทบไม่ต้องพูดอะไร
เจี๊ยบ : จริงๆ มันเป็นคนขี้อวดมากเลยนะ ถ้าสมมติมันได้งานอะไรใหม่ๆ คนแรกที่ต้องรับรู้คือเจี๊ยบ ซึ่งย้อนกลับมาเราไม่เคยอวดพ่อเราเลย เราได้ซิทคอมหรือเราได้อะไร เราไม่เคยโทรไปอวดพ่อเลย แต่แจ็คจะเป็นคนโทรมาหาเจี๊ยบตลอดว่าได้งานแล้วนะ เมื่อกี้เขาก็อวดว่าเขาจะได้เป็นพรีเซ็นเตอร์เกี่ยวกับปอด

รู้ความจริงสุดซึ้ง เจี๊ยบ เชิญยิ้ม เคลียร์ใจในรอบปี เเจ๊คป่วยไมไม่ช่วยน้อง
แจ็ค : กระทรวงสาธารณสุขโทรมาให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์เกี่ยวกับการรณรงค์โรคปอด ถ่ายโฆษณานู่น นี่นั่น เราก็รู้สึกว่าเราอยากจะบอกเขาเป็นคนแรก เพราะงานเริ่มต้นที่ทำให้เรามีวันนี้ได้ก็เริ่มต้นจากเขา เพราะฉะนั้นเขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ทุกงานที่ติดต่อเข้ามาแล้วให้เขาสกรีนไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับงานที่อันนี้รับได้บ้าง อันนี้รับไม่ได้ อันนี้รับแล้วมันสามารถต่อยอดได้ แล้วเรื่องบัดเจตเขาจะมีสิทธิ์รู้คนแรกแน่นอน ก็เลยจะต้องบอกเขาทุกงาน

ถ้าพ่อดูอยู่พี่เจี๊ยบอยากจะบอกอะไรกับพ่อไหม?
เจี๊ยบ : เราพูดกันตลอด 2 คนในขณะที่ทำร้าน จะพูดใส่ไมค์ตลอดเวลาว่าถ้าพ่ออยู่ พ่อจะต้องดีใจมากที่เห็นลูกประสบความสำเร็จแบบนี้ นอกจากวงการบันเทิง นอกจากชื่อเสียงที่ได้มาจากการเล่นซิทคอม เล่นละคร เราได้ธุรกิจอย่างนึงมันเกิดเพราะพวกเราสร้างกันเอง น้ำซุปจากแม่ ธุรกิจจากร้านของเรา เอาน้องมาทำธุรกิจในร้านด้วยมาขายของ ก็คือคิดถึงพ่อ เขาต้องดีใจมากถ้าเห็นลูกเป็นอย่างนี้ ประสบความสำเร็จแบบนี้ มีรายได้มาช่วยครอบครัวโดยที่ไม่ต้องไปพึ่งใคร

พี่แจ็ครู้ไหมที่ผ่านมาพ่อเขาฝากฝังเราให้กับพี่เจี๊ยบ?
แจ็ค : ทราบ แล้วมันก็เลยเป็นคำตอบให้กับทุกคนว่าต้องพยายามเป็นภาระของพี่เราให้น้อยที่สุด

ในไลฟ์เฟซบุ๊คมีการคอมเมนต์เรื่องการนั่งของพี่แจ็ค?
แจ็ค : ด้วยสตูแอร์เย็นมาก ถ้าแจ็คนั่งอย่างนี้มันจะเกร็งหลัง จะปวดหลังมากๆ จะทำให้เราต้องหายใจหนักขึ้นกว่าเดิมทำให้เวลาที่เราทอล์กกันอาจจะมีการไอหรือว่าพูดช้า ถ้าเกิดนั่งพิงมันยังผ่อน สบายกว่า ไม่ได้มีเจตนาที่นั่งไม่ให้เกียรติรายการ หรือคนดูนะครับ

รักน้องคนนี้แค่ไหน?
เจี๊ยบ : ก็รักมันที่สุด ถ้าไม่รักจะให้ขนาดนี้
แจ็ค : ให้เขานั่งอยู่แบบนี้ ถ้าเขาลุกขึ้นมา แล้วมากอดกัน ผมว่าความเขินจะปรอทแตก ผมเดินอ้อมไปข้างหลัง แล้วไปกอดเขาข้างหลังน่าจะโอเคกว่า เขาเป็นผู้ชายที่แสดงออกเรื่องความรักน้อยๆ เวลาเจออะไรที่เป็นแบบนี้จังๆ ก็จะเป็นแบบนี้


เจี๊ยบ : มันไม่เคยแสดงออกเรื่องความรักกันแบบนี้ ถามว่าควรจะทำไหม มันควรจะทำ แต่ไม่รู้เราจะเริ่มต้นตรงไหน ก็ขอบคุณทั้งสองคนที่ให้โอกาสพวกเราได้ทำอย่างนี้กัน ถ้าไม่มีหนิง ไม่มีน้อง ก็ไม่มีโอกาสได้กอดกันแบบนี้หรอก อยู่ๆจะมาเดินกอดกัน ถ้าเป็นมุกตลกอะได้ นั่นคือการแสดง

ขอบคุณ
คุยแซ่บShow