"หนึ่ง มาฬิศร์" เล่าย้อนชีวิตจากสูงสุดสู่จุดตกต่ำ

เปิดใจ "หนึ่ง มาฬิศร์ เชยโสภณ" เล่าย้อนชีวิตจากสูงสุดสู่จุดตกต่ำ พร้อม ขอบคุณที่ถูกจับก่อนไม่งั้นเตลิดไปไกล...

นับว่าเป็นอดีตพระเอกละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่ประสบความสำเร็จอีกคนหนึ่งของวงการ กับ "หนึ่ง มาฬิศร์ เชยโสภณ" ก่อนที่จะเจอเข้ากับ มรสุมครั้งใหญ่ในช่วงที่ตนเอง อยู่จุดสูงสุดของชีวิต  ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเผยถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น ในรายการ Z Story Z Holiday ช่องอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง34 ถึงประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา มีเนื้อหารายละเอียดว่า...

 

\"หนึ่ง มาฬิศร์\" เล่าย้อนชีวิตจากสูงสุดสู่จุดตกต่ำ

 

ห่างหายไปจากหน้าจอทีวี ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง


จริงๆ ก็ยังรับเล่นละครอยู่ แต่หลักๆ ตอนนี้คือทำงานเบื้องหลัง ทำอยู่กับ วุธ อัษฎาวุธ บางเรื่องเขียนบท บางเรื่องก็เป็นแอคติ้งโค้ช หรือบางเรื่องก็เข้าไปดูในส่วนของพีอาร์ อ่านนิยาย ย่อนิยาย ทำคาแรคเตอร์ เรียกว่าทำทุกส่วน แล้วแต่โปรดักชั่นว่าเขาต้องการอะไร ยังขาดอะไร

 

\"หนึ่ง มาฬิศร์\" เล่าย้อนชีวิตจากสูงสุดสู่จุดตกต่ำ

 

\"หนึ่ง มาฬิศร์\" เล่าย้อนชีวิตจากสูงสุดสู่จุดตกต่ำ

ที่มาของการได้มาเล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ

ขอแก้ข่าวก่อนเลยครับว่า หลายคนบอกว่า ผมเล่นทุกเรื่อง จริงๆ แล้วเล่นประมาณ 10 เรื่องเองครับ เป็นพระเอกอยู่ประมาณ 7-8 เรื่อง นอกนั้นก็จะเริ่มเป็นเสด็จพ่ออีก 3 เรื่อง เราเริ่มจากการที่เราจบมาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบการละคร ก็เลยได้มาเริ่มเล่นละคร ช่วงกำลังจะเรียนจบ เป็นละครหลังข่าวช่อง 7 ปรากฏว่าก็มีเพื่อนที่เรียนการละครที่จบด้วยกันมา เขาไปเป็นผู้ช่วยอยู่กองละครจักรๆ วงศ์ๆ เราก็ไปดูการทำงานของเพื่อน แล้วเราก็ชอบ เพราะตอนเด็กๆ เราก็โตมากับละครแบบนี้ ไปบ่อยจนโดนแซวว่ามาดูขนาดนี้ อยากเล่นหรอ วันหนึ่งก็มีผู้ใหญ่โทรมาถามว่า ได้ข่าวว่าอยากเล่นจริงหรอ เขาก็เลยเสนอมาเรื่องหนึ่ง เป็นชาดก ชาติที่ 5 ของพระพุทธเจ้า ก็คือ มโหสถชาดก ถ้าเกิดอยากเล่น จะให้เล่น ก็เลยได้เล่น คุณแม่ก็ดีใจมาก เพราะแม่ชอบเข้าวัด แต่พอแม่ดูในทีวี แม่มาบอกกับเราว่า ลูกฉันไม่ได้เป็นแบบนี้เลย แต่เรื่องที่พีคที่สุดคือ ดาบ 7 สี มณี 7 เเสง เรตติ้งอันดับ 1 ชนะละครเวลากลางคืน สูงสุดถึง 19 ตอนที่เล่นละครก็มีคนรู้จักประมาณหนึ่งอยู่แล้ว แต่พอมาเล่นละครเช้า เวลาไปถ่ายละครต่างจังหวัด จะมีคนมารอให้กำลังใจเยอะมากๆ

 

\"หนึ่ง มาฬิศร์\" เล่าย้อนชีวิตจากสูงสุดสู่จุดตกต่ำ
 

ชีวิตเจอมรสุมครั้งใหญ่ เกิดอะไรขึ้น


ช่วงนั้นถ่ายดาบ 7 สีอยู่ เรตติ้งกำลังขึ้นเลย ปรากฏว่าคุณพ่อป่วย หลังจากที่คุณพ่อเริ่มมีอาการไอมาหลายปี ก็คิดว่าไม่ได้เป็นอะไร สุดท้ายมาพบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จากปอดแล้วก็ไปตับ คุณหมอบอกว่าอยู่ได้อีก 6 เดือน ตอนนั้นชีวิตของเราในเรื่องการแสดง กำลังพีคมาก หลังจากคุณพ่อเสียได้ไม่นาน คุณแม่ก็เส้นเลือดในสมองแตก ตอนนั้นเราคิดว่า เราจะพยายามดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไปเพื่อครอบครัว เงินที่มีก็เอาไปลงทุนธุรกิจ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ งานจากที่มีละครปีละ 5 เรื่อง จู่ๆ ก็เหลือปีละเรื่อง พอไม่มีงาน เราก็อยู่กับบ้าน อยู่กับตัวเอง สุดท้ายก็ใช้ยาเสพติด แต่ตอนนั้นเราคิดว่านั่นคือทางออก บัตรเครดิตมีประมาณ 10 ใบ ก็ใช้รูด หมุนเงินจนสุดท้ายก็เจอดอกเบี้ย โชคดีที่โดนจับ ต้องบอกว่าโชคดี เพราะถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น เราก็ไม่รู้ว่าเราจะไปอีกไกลแค่ไหน ในขณะที่เรากำลังเบลอๆ บ้าๆ อยู่ ก็เหมือนมีคนตบหน้าให้เรามีสติขึ้นมา

 

\"หนึ่ง มาฬิศร์\" เล่าย้อนชีวิตจากสูงสุดสู่จุดตกต่ำ

ก้าวข้ามผ่านเหตุการณ์ปัญหานั้นได้อย่างไร


พอถูกจับ เข้าไปอยู่ในห้องขัง สติก็เกิดขึ้น มันยอมรับได้เลยว่า เหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะใคร ก้าวต่อไปจะทำอะไร หาวิธีการแก้ปัญหา พอได้ออกมา มีรุ่นพี่บอกว่าไปหาที่หลบหน้าคนก่อนไหม แต่เรากลับมีความรู้สึกว่า ไม่จำเป็น การที่เราจะหลบหนี เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เราพยายามจะหนีปัญหา เพราะฉะนั้นตอนนี้เราไม่หนีแล้ว อะไรจะเข้ามาก็ให้เข้ามาเลย เราก็แค่ใช้ชีวิตปกติต่อไป

 

ฝากแนวคิดสำหรับคนที่กำลังคิดหลงผิด


อย่างที่บอกเลยคือเรื่องของสติ ถ้าคุณมีสติกลับมาได้ ปัญหาที่เห็นว่ามันเป็นทางตัน ไม่มีทางออก คุณเข้าไปได้ มันก็มีทางออกมาได้ สองคืออยากให้พยายามที่จะลุกขึ้นให้ได้ด้วยตัวเอง ถ้าเกิดว่าเราไม่พยายามลุกขึ้น แล้วเราทิ้งตัวอยู่กับพื้น ฟูมฟาย ใครจะมายกยังไงก็ยกไม่ไหว ไม่มีใครช่วยเราได้ เพราะฉะนั้น มันต้องเริ่มจากตัวคุณก่อน ต้องพยายามลุก ได้แค่ไหน เอาให้สุดพลัง

 

\"หนึ่ง มาฬิศร์\" เล่าย้อนชีวิตจากสูงสุดสู่จุดตกต่ำ