เปิดประวัติ  "นิต้า มานิต้า" สวยไม่ธรรมดา จากครูอาสาบ้านไร่ สู่ นางสาวไทย 2565

เปิดประวัติ "นิต้า มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์" ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน อายุ 25 ปี สวยไม่ธรรมดา จากครูอาสาบ้านไร่ สู่ นางสาวไทย 2565

หลังจากการประกวด นางสาวไทย 2565 รอบตัดสินที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งสาวงามที่ได้รับตำแหน่งได้แก่ "นิต้า" มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ ลูกครึ่งไทย-อเมริกัน อายุ 25 ปี ถือว่าเป็นนางสาวไทยคนที่ 53 ของประเทศไทย 

 

เปิดประวัติ  "นิต้า มานิต้า" สวยไม่ธรรมดา จากครูอาสาบ้านไร่ สู่ นางสาวไทย 2565

 

สำหรับ นิต้า มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ เป็นสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เกิดและโตที่ภูเก็ต จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะคอมมูนิเคชัน อาร์ต เกียรนิยมอันดับ 1 ปัจจุบันเป็นเซลล์เมเนเจอร์ และเป็นครูอาสา ในตำแหน่งวิทยากรพิเศษส่งเสริมการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ณ โรงเรียนวัดบางไผ่นารถ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่ขาดแคลน

 

เปิดประวัติ  "นิต้า มานิต้า" สวยไม่ธรรมดา จากครูอาสาบ้านไร่ สู่ นางสาวไทย 2565

ทั้งนี้ ก่อนเข้าร่วมบนเส้นทางการประกวดนางงาม "นิต้า" เคยมีน้ำหนักเกือบ 100 กิโลกรัม แต่เธอมีความพยายามลดน้ำหนักกว่า 40 กิโลกรัม เพื่อเข้าร่วมการประกวด โดยในปี 2017 เธอมีดีกรีเป็นรองอันดับ 1 มิสแกรนด์ภูเก็ต 2017 และในปี 2018 เธอเข้าร่วมการประกวดมิสเวิลด์ไทยแลนด์ แต่ไปไม่ถึงฝั่งฝันเข้ารอบท็อป 12 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 และแม้ว่าเธอจะไม่ได้มงกุฎมาครอง แต่เธอมุ่งมั่นออกกำลังกายและดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนเรียกได้ว่านับวันก็ยิ่งสวยขึ้น

 

เปิดประวัติ  "นิต้า มานิต้า" สวยไม่ธรรมดา จากครูอาสาบ้านไร่ สู่ นางสาวไทย 2565


จนกระทั่งกลับมาประกวดนางสาวไทยในปี 2565 นี้ นิต้า มีทีมพี่เลี้ยงที่แข็งแกร่งอย่างทีมภูเก็ตคอยซัพพอร์ต ประกอบกับมีประสบการณ์เป็นครูอาสาทำให้เธอมีแพสชั่นตรงกับบริบทของเวที จนได้รับตำแหน่ง นางสาวไทย 2565 ไปครอบครอง

ทั้งนี้ นิต้า ยังเผยอีกว่าถึงแม้เธอจะเติบโตที่ภูเก็ต แต่ด้วยแม่เป็นคนเชียงราย จึงทำให้เธอได้เรียนรู้ทั้ง 2 วัฒนธรรม และชอบเรื่องการท่องเที่ยว ส่วนในด้านการศึกษาจากการที่เป็นครูอาสาทำให้เธอนับถือบุคลากรครูมากๆ เพราะต้องเตรียมเอกสารเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา

 

เปิดประวัติ  "นิต้า มานิต้า" สวยไม่ธรรมดา จากครูอาสาบ้านไร่ สู่ นางสาวไทย 2565


ซึ่งถ้าหากการศึกษาสามารถเข้าถึงทุกที่ในประเทศไทย รวมไปถึงพื้นที่ขาดแคลน เธอจะต้องดีใจกับเด็กๆมากๆแน่ แต่ไม่ใช่เพราะสงสาร ด้วยเด็กๆ เองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองน่าสงสาร แต่เป็นการที่มองว่าถ้าเด็กได้สื่อการเรียนการสอนที่ดี เข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตได้ จะได้มีโอกาสพัฒนาตัวเองไปไกลมากกว่า ไม่ใช่อยู่เพียงแค่ในบริเวณโรงเรียนตรงนั้น และมีความคิดก้าวไกลมากขึ้นในการนำกลับมาพัฒนาบ้านเกิด

 

เปิดประวัติ  "นิต้า มานิต้า" สวยไม่ธรรมดา จากครูอาสาบ้านไร่ สู่ นางสาวไทย 2565

 

ขอบคุณ FB : Miss Thailand Organization