ทนายเดชา พร้อมรีเทิร์น ถ้า "คุณแม๊" ยังคิดถึง อยากให้ช่วยทำคดีแตงโมต่อ

จากกรณีที่ แม่แตงโม นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน จะไม่ยื่นฟ้องคดีฆาตกรรมแล้ว เพราะไม่มั่นใจในพยานหลักฐาน กลัวว่าจะถูกฟ้องกลับ ล่าสุดทางด้าน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวถึงเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า เรื่องนี้ตนเคารพการตัดสินใจของคุณแม่ เท่าที่ตนทราบ คุณแม่น่าจะได้ไปสอบถามความเห็นกับนักกฎหมายที่เป็นกลางมา ไม่ใช่นักกฎหมายชุดปัจจุบัน แล้วได้ทราบว่า การจะฟ้องต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอ ไม่เช่นนั้นก็มีผลกระทบทางกฎหมายที่ต้องรับ ซึ่งคุณแม่เป็นคนฉลาด เมื่อรู้ว่ามีความเสี่ยงต่อกฎหมายจึงเปลี่ยนใจ แม้นายอัจฉริยะ จะบอกว่าเป็นการมอบอำนาจ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผู้ที่จะถูกเอาผิด คือผู้ที่เซ็นมอบอำนาจ คนที่รับมอบอำนาจจะไม่ได้โดนไปด้วย

 

นอกจากนี้ ทนายเดชา ยังกล่าวอีกว่า คุณแม่ยังไม่ได้ติดต่อกลับมาหาตน แต่หากวันหนึ่งคุณแม่คิดถึง ก็สามารถติดต่อมาได้ ส่วนตัวไม่ได้มีความขัดแย้งกับคุณแม่ ถึงแม้ว่าคุณแม่จะให้สัมภาษณ์แซะตนบ่อยครั้ง ตนก็ไม่โกรธ เพราะเข้าใจว่าแม่ต้องการหาสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาว ก่อนหน้านี้ตนก็เคยให้คำแนะนำกับคุณแม่ว่า หากไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใครเป็นคนฆ่า ก็อย่าฟ้อง เพราะหากนำสืบไม่ได้ก็จะแพ้คดี และอาจจะถูกฟ้องกลับได้

ส่วนจะกลับไปเป็นทนายความให้คุณแม่อีกครั้งหนึ่งหรือไม่นั้น ก็คงจะไม่ไปเสนอตัว แต่หากคุณแม่เห็นว่าตนยังมีประโยชน์ก็ติดต่อกลับมาได้ ส่วนตัวยังยืนยันว่าคดีนี้เต็มที่ยังไงเป็นได้แค่คดีประมาท ซึ่งตนอยากให้คุณแม่ไปพบอัยการเจ้าของสำนวนเพื่อดูรายละเอียด จะได้ทราบเหตุและผล ถ้าไม่มีใครพาไปก็โทรมาหาตนได้ จะเป็นคนพาไปเอง คุณแม่จะได้เข้าใจการสั่งฟ้องของอัยการ หากไม่เชื่อมั่นตำรวจ

 

ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะบอกว่ามีภาพคราบเลือดบนเรือ ตนยืนยันว่าจากที่ได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้ พยานหลักฐานนี้ไม่มีอยู่จริง ไม่ทราบว่านายอัจฉริยะเอาหลักฐานชุดไหนให้คุณแม่ดู ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่น่าสงสัย

นอกจากนี้ ทนายเดชา ได้กล่าวถึงกรณีที่ได้ไปยื่นเรื่องกับ คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบ ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์ ว่าพฤติกรรมเข้าข่ายการผิดจริยธรรมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างร้ายแรงหรือไม่นั้น ล่าสุดตนได้รับหนังสือให้เข้าไปให้ถ้อยคำในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ ซึ่งหลังจากให้ถ้อยคำแล้ว เรื่องจะถูกส่งไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทันที คาดว่าประมาณ 1-2 เดือน ก็จะสามารถชี้มูลความผิดได้