- 06 พ.ย. 2568
แร็ปเปอร์ดังชาวมาเลเซีย “เนมวี” (Namewee) ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ คดีฆาตกรรมอินฟลูฯสาว หลังอยู่ด้วยกันเป็นคนสุดท้าย
กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ยังคงได้รับความสนใจจากทั่วเอเชีย หลังเกิดเหตุ การเสียชีวิตปริศนาในอ่างอาบน้ำของ “ไอริส เซียะ” (Iris Hsieh) อินฟลูเอนเซอร์และเน็ตไอดอลสายเซ็กซี่ชื่อดังในมาเลเซีย
ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ยกระดับการสืบสวนจาก “การเสียชีวิตปกติ” เป็น “คดีฆาตกรรม” พร้อมควบคุมตัว “เนมวี” (Namewee) แร็ปเปอร์ชื่อดังชาวมาเลเซีย หลังพบว่าเป็น “คนสุดท้ายที่อยู่กับผู้ตาย” ก่อนเกิดเหตุสะเทือนวงการ
รายงานระบุว่า เหตุการณ์การควบคุมตัวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดย เนมวีได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจด้วยตนเองพร้อมโพสต์ภาพเซลฟี่หน้าสถานีตำรวจเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้หลบหนี หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อได้และสงสัยว่าเขาอาจกำลังหลบหนีออกนอกประเทศก่อนถูกควบคุมตัว เนมวีได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวระบุว่า
“ผมจะไม่หนี อดีตผมเคยถูก ‘ตามตัว’ ถึง 7 ครั้ง ผมก็ไปมอบตัวทุกครั้ง ไม่เคยหลบหนี... ผมจะให้ความร่วมมือกับการสืบสวนอย่างเต็มที่”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งฝากขังเนมวีเป็นเวลา 6 วัน เพื่อสอบสวนอย่างละเอียดถึงสาเหตุการเสียชีวิตของไอริส เซียะ ซึ่งยังคงถูกตั้งคำถามในหลายประเด็น
เนมวี (Namewee) หรือชื่อจริง วี เมิงฉี (Wee Meng Chee) เป็นศิลปินแร็ปเปอร์ชื่อดังของมาเลเซีย ที่มีผลงานโดดเด่นแต่เต็มไปด้วยกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เขามักปรากฏตัวด้วยหมวกบีนนีและแว่นกันแดด ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในปี 2007 จากคลิปเพลงชาติมาเลเซียเวอร์ชันรีเมก “Negaraku” ซึ่งมีเนื้อหาล้อเลียนรัฐบาล ส่งผลให้เขาถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่น แต่สุดท้ายเรื่องราวถูกยุติหลังเจ้าตัวออกมาขอโทษและลบคลิป
ปี 2016 เนมวีถูกจับอีกครั้งจากมิวสิกวิดีโอ “Oh My God” ที่มีฉากถ่ายทำรอบสถานที่ประกอบศาสนกิจทั่วประเทศ
จนเจ้าหน้าที่ระบุว่า “ไม่เหมาะสมและดูหมิ่นศาสนา” ทำให้เขาถูกควบคุมตัวไว้ 4 วัน
ต่อมาในปี 2021 เพลง “Fragile” ของเขาที่ร่วมงานกับศิลปินสาว “คิมเบอร์ลี เฉิน” กลายเป็นไวรัลครั้งใหญ่ในโลกออนไลน์
เนื่องจากเสียดสี “เสี่ยวฝั่นหง” (Little Pinks) กลุ่มชาตินิยมจีนรุ่นใหม่ และพูดถึงประเด็นอ่อนไหวอย่างซินเจียงและไต้หวัน ส่งผลให้เพลงนี้ถูกแบนในจีนแผ่นดินใหญ่
นอกจากงานเพลงแล้ว เนมวียังมีผลงานกำกับและแสดงภาพยนตร์ ซึ่งมักแตะประเด็นทางเชื้อชาติและศาสนา ทำให้หลายเรื่องกลายเป็นที่ถกเถียงในสังคม แต่ก็ยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ของเขาในฐานะศิลปินผู้ “ไม่กลัวที่จะพูดในสิ่งที่คิด”






