ย้อนฟัง อนันดา เคยคิดไม่อยากมีครอบครัว สู่วันที่คุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงาน

ย้อนฟังจากปาก อนันดา เอเวอริ่งแฮม เคยมีความคิดที่ไม่อยากมีครอบครัว สู่วันที่คุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงานกลางสายฝน

เรียกว่าไม่ต้องลุ้นกันอีกต่อไปหลังพระเอกชื่อดัง "อนันดา เอเวอริ่งแฮม" เคยออกปากอยากมีครอบครัวแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวทำเซอร์ไพรส์ด้วยการคุกเข่าขอ "ณัฐ ณิชชา ธนาลงกรณ์" แฟนสาวดีไซเนอร์ แต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2565

ย้อนฟังจากปาก อนันดา เคยคิดไม่อยากมีครอบครัว

โดยทั้งคู่คบหาดูใจกันมา 5 ปี ซึ่งวันนี้ยังตรงกับวันเกิดของฝ่ายหญิงอีกด้วย ซึ่งเป็นการขอแต่งงานท่ามกลางสายฝน ในงานปาร์ตี้ฉลองวันเกิดฝ่ายหญิง โดยมีเพื่อน ๆ ร่วมเป็นสักขีพยาน และระหว่างที่หนุ่มอนันดาคุกเข่า ได้นำสุนัขที่เลี้ยงไว้มาร่วมเป็นพยานรักอีกด้วย เรียกว่าโรแมนติกมากๆ

ย้อนฟังจากปาก อนันดา เคยคิดไม่อยากมีครอบครัว

วันนี้ทางทีมงานจะพาไปย้อนดูเรื่องราวความคลั่งรักของหนุ่มอนันดา ที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ทางช่องยูทูบ Rayron : เร่ร่อน รายการของเพื่อนซี้อย่าง เร แม๊คโดแนลด์ โดย อนันดา เผยเรื่องแต่งงานว่า ตอนนี้มันก็ถึงเวลาแล้ว เรื่องวันที่ขออนุญาตยังไม่พูด แต่น่าจะเป็นปีหน้า (พ.ศ. 2566)
ย้อนฟังจากปาก อนันดา เคยคิดไม่อยากมีครอบครัว

อนันดา ยอมรับว่าตั้งแต่เด็กไม่เคยคิดเรื่องการมีครอบครัว เรื่องแต่งงานก็ไม่เคยคิด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะทั้งพ่อแม่ของอนันดาเอง หรือครอบครัวของคนรอบข้างที่รู้จัก ทุกคนมาจากครอบครัวที่แตกสลายหมด จึงไม่มีแบบอย่างของสิ่งที่ถ้ามันสำเร็จแล้วจะเป็นยังไง

ย้อนฟังจากปาก อนันดา เคยคิดไม่อยากมีครอบครัว

อีกอย่างอนันดาก็เป็นคนสายวิทยาศาสตร์ ต้องมีหลักฐานมาให้ ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็ไม่สามารถสร้างแฟนตาซีขึ้นมาในหัวได้ ว่าชีวิตคู่ที่ดีมันเป็นยังไง มันต้องรักกันยังไง ยิ่งช่วงวัยรุ่นก็ไม่คิดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว มุมมองมันก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
ย้อนฟังจากปาก อนันดา เคยคิดไม่อยากมีครอบครัว

เรื่องที่คิดว่ามันแปลกคือ พอรู้สึกว่ายิ่งมีอายุ อนันดายิ่งเปิดมากขึ้น เริ่มลดความเป็นตัวเองลงไปเรื่อย ๆ การเปิดมากขึ้นทำให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองไม่รู้อะไรเลย ยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกเยอะ ข้อดีก็คือมันเป็นจุดเปิดที่จะสามารถดึงความคิดหรือตัวตนของคนอื่นมาอยู่ในความคิดของเรา

ย้อนฟังจากปาก อนันดา เคยคิดไม่อยากมีครอบครัว

พอคบกับคุณแฟน (ณัฐ ณิชชา) ก็เข้าใจเขาได้ ถึงแม้ว่าตอนแรกไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้ แต่มันกลายเป็นว่ามองเห็นภาพว่าการแต่งงานมันก็ดี คนอื่นก็แฮปปี้ ครอบครัวก็แฮปปี้ ก่อนหน้านี้ตัวเองคือศูนย์กลางของจักรวาล ไม่ได้เห็นว่าความสุขของคนอื่นวัดด้วยอะไร ก็ตีความของตัวเองว่าไร้สาระ เพื่ออะไร แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง ก็อย่างที่บอกว่าตัวเองไม่ได้รู้อะไรเท่าไร พอมันเปิด มันก็รับทุกอย่างเข้ามาได้ การต่อต้านมันหายไป มองว่าก็น่าสนใจ

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ thainewsonline