- 08 พ.ค. 2568
บริษัทแบรนด์เนม ยื่นฟ้องตรงต่อศาล ดิว อริสรา ข้อหาฉ้อโกง หลังเจรจาปมสร้อย BVLGARI ไม่ลงตัว เผยข้อเสนอของดาราสาวที่รับไม่ได้
วันที่ 8 พ.ค. 2568 นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความ พร้อมด้วย น.ส.ณัฐจุฑา ปุณณธนาวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด ได้เดินทางมายังศาลแขวงปทุมวัน เพื่อทำการฟ้องตรงต่อศาลกรณี ดิว อริสรา ในข้อหาฉ้อโกง หลังนำสร้อย BVLGARI ของ เมย์ วาสนา มาฝากขายทั้งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ปทุมวัน
โดย ทนายวิฑูรย์ เผยว่า ก่อนหน้านี้เราเคยไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.ปทุมวัน และเห็นว่าทางสำนวนคดีนั้นมีเยอะมาก คงใช้เวลาพอสมควรในการตรวจสอบ อีกทั้งภาระงานของเจ้าหน้าที่นั้นมีมาก ซึ่งเรามองว่ามันอาจจะไม่รวดเร็วเท่าที่ต้องการ เนื่องจากผ่านมา 2 เดือนแล้ว วันนี้จึงมายื่นฟ้องโดยตรงเนื่องจากคดีนี้ไม่ได้มีความซับซ้อน จึงมาทำเป็นเอกสารยื่นฟ้องที่ศาลแขวงปทุมวันในข้อหาฉ้อโกง เรื่องสร้อย BVLGARI ที่นำมาขายฝากทั้งที่ไม่ใช่ของตนเอง ยืนยันว่าตอนนี้ทางตนเอง และนางสาวณัฐจุฑา ไม่ได้กังวลใจในคดีรับซื้อของโจร เพราะถ้าหากเรารู้ตั้งแต่แรกว่าเป็นของคุณเมย์ วาสนา ทางบริษัทก็จะไม่รับซื้อ
นางสาวณัฐจุฑา เปิดเผยว่า ไม่เคยมีการพูดคุยโดยตรงกับ ดิว อริสรา มีเพียงทีมทนายความของ ดิว ได้มีการติดต่อมาเจรจาขอจ่ายเงินเงินต้นคืน 2.5 ล้านบาท จากยอด 7 ล้านบาท และขอผ่อนชำระอีกเดือนละ 100,000 บาท แต่เรารับไม่ได้ เพราะถ้าหากผ่อนเดือนละ 100,000 บาท ก็ต้องใช้ระยะเวลาถึง 4 ปีกว่าจะผ่อนหมด อีกทั้งตอนที่เราโอนให้เขาเราใช้ระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการโอน แต่เขาจะใช้เวลาเป็นปีในการคืน เธอรับไม่ได้ ส่วนทางด้าน เมย์ วาสนา ก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน
ด้าน ทนายวิฑูรย์ กล่าวเสริมว่าทาง คุณเมย์ วาสนา ไม่ได้มีการพูดคุยกันโดยตรง แต่มีทีมทนายความติดต่อมาพูดคุยกับตนในเรื่องของเงื่อนไข ที่ทาง ดิว ยื่นเงื่อนไขให้กับทางบริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด ซึ่งทางตนได้บอกกับทีมทนายความของคุณเมย์วาสนาว่าเงื่อนไขที่ทาง ดิว เสนอให้นั้นทางตนรับไม่ได้ และมองว่ากรณีของ ดิว หากไม่สามารถจ่ายเงินคืนเต็มจำนวน 7 ล้านบาทได้ เขาควรจ่ายก้อนแรกให้เยอะกว่านี้ ซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้มีการเสนอเงื่อนไขเข้ามาใหม่จึงไม่ได้มีการพูดคุยกันต่อ
นางสาวณัฐจุฑา ยังระบุว่า ขณะนี้ก็มีความกังวลใจเราอยากจะได้เงินคืนเต็มจำนวน จึงจำเป็นที่จะต้องดำเนินการทางกฎหมาย และที่มาฟ้องตรงต่อศาลเพราะอยากจะเร่งเรื่องให้เรียบร้อยเร็วที่สุด
ทนายวิฑูรย์ กล่าวเสริมว่าที่มาดำเนินคดีในวันนี้ เป็นคดีอาญาข้อหาฉ้อโกง ส่วนกรณีละเมิดบริษัทจะมีการไปยื่นฟ้องตรงที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซึ่งตามจริงแล้วสามารถฟ้องรวมกันได้ แต่ดูรายละเอียดแล้วถ้าไปแยกฟ้องเป็นอีกคดีน่าจะง่ายต่อการทำคดีมากกว่า แต่ถ้าหากมีการเจรจาพูดคุยกันก่อน ก็อาจจะไม่มีการฟ้องในส่วนนี้เกิดขึ้น