- 07 ก.ค. 2568
"แพร ชนันท์ภัสส์" ปล่อยโฮกลางไลฟ์ แฉอีกมุมเรื่องรถ เปิดแชทยอมรับคบซ้อน เจ็บสุดกับคำตอบฝ่ายชายที่เลือกผู้หญิงคนใหม่
กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งในโลกโซเชียล เมื่ออดีตนักแสดงสาว แพร ชนันท์ภัสส์ ต้องออกมาเคลื่อนไหว หลัง ตั้ม วิชญะ จารุจินดา อดีตคนรัก ที่ปัจจุบันเป็นสามีของ หญิงออน ดวงพร ไชยารุ่งยศ ได้เปิดไลฟ์พูดถึงเหตุการณ์ในอดีต รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรถเต่าคันหนึ่งที่เคยตกเป็นของแพร โดยฝ่ายชายยืนยันว่า ตนไม่ได้โกงหรือหลอก พร้อมชี้แจงว่า รถคันดังกล่าวขายให้แพรในราคา 7 แสนบาท ไม่ใช่ 1.3 ล้านบาทตามที่หลายคนเข้าใจ
โดย แพร ชนันท์ภัสส์ ออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลก่อนการไลฟ์ของตนเอง โดยระบุข้อความที่ชัดเจนถึงความไม่เข้าใจในสิ่งที่ฝ่ายชายพูด พร้อมขอชี้แจงในมุมของตัวเองแบบตรงไปตรงมาในเวลา 19:00 น. ผ่าน TikTok นอกจากนี้ แพรยังเปิดเผยแชทที่คาดว่าเป็นของหญิงออน ส่งข้อความมาขอให้หยุดพูดถึงประเด็นรถดังกล่าว รวมถึงเปิดเอกสารสินเชื่อที่ระบุยอดหนี้คงเหลือที่ 1.3 ล้านบาท ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่ตั้มอ้างว่าเป็นราคาขาย 7 แสน
ในการไลฟ์ แพรเล่าทั้งน้ำตาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอธิบายว่า รถเต่าคันนี้เดิมทีอีกฝ่ายบอกว่าเหลือยอดผ่อนเพียง 3 แสน และยินดีให้แพรผ่อนต่อ โดยเป็นข้อตกลงที่เกิดจากความไว้วางใจในความสัมพันธ์ ณ ตอนนั้นซึ่งไม่มีเอกสารยืนยัน เพราะเป็นเพียงคำพูดของคนที่เคยคบกัน
กระทั่งวันหนึ่งแพรติดต่อไปเพื่อขอเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองรถ จึงพบว่าราคาของรถนั้นได้ถูกรีไฟแนนซ์ใหม่เป็น 1.3 ล้านบาท ซึ่งแพรยอมรับว่าไม่เข้าใจ เพราะก่อนหน้านั้นได้รับข้อมูลว่ารถเหลือยอดผ่อนเพียง 3 แสนบาท เธอยังเปิดเผยด้วยว่า “เมื่อฟังจากไลฟ์เขาเมื่อคืน เพิ่งรู้คนเป็นไฟแนนซ์เป็นรุ่นพี่เขา และเพิ่งรู้ว่าเขาขายรถให้แพรในราคา 7 แสน แต่ข้อมูลที่ แพร ถืออยู่ มันคือ 1.3 ล้าน”
แพรไล่เรียงข้อมูลจากเอกสารที่มี พร้อมยืนยันว่า “ไม่มีตรงไหนเป็น 7 แสน เป็น 1.3 ล้าน ที่แพรรับผิดชอบมาผ่อน ในเอกสารระบุราคาเงินสดบวกแวตจะเป็น 9.6 แสน ค่างวด 2.14 หมื่น ไม่มีตรงไหนเลยเป็น 7 แสนอย่างที่เขาพูด”
เรื่องไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อเธอยังพบว่าตัวเองมีชื่อเป็นพนักงานในบริษัทแห่งหนึ่งในช่วงปี 2556 - 2558 ทั้งที่ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน โดยในช่วงเวลานั้นตรงกับการเริ่มผ่อนรถในชื่อของเธอ พร้อมตั้งข้อสงสัยถึงผลกระทบเรื่องภาษีที่ตามมา เพราะเธอไม่มีเงินเดือนในช่วงดังกล่าว
เรื่องความสัมพันธ์ในอดีต แพรก็ไม่อ้อมค้อม โดยกล่าวว่า “เขาคบซ้อน ที่เขาบอกเลิกไปสิบวันแล้วไม่เข้าใจว่าจะพูดทำไม แชทเขายอมรับว่าเขาคบซ้อน (พร้อมเปิดแชท) ถามเขาทำไมต้องเลือกคนนี้ ผู้ชายเขาก็บอกว่า พี่ยืมเงินแม่เขา ครอบครัวเขาดูแลพี่ จริงเท็จยังไงไม่รู้ แต่พูดตามหลักฐานแชท ที่เคยได้รับมาและเคยคุยกับเขา”
พร้อมอธิบายว่าในช่วงเวลาที่คบกัน รถเต่าคันนั้นคือรถที่เธอใช้อย่างต่อเนื่อง โดยกล่าวว่า “เขา anniversary กันเดือนมิถุนายน ถ้าไปดูไทม์ไลน์การใช้ชีวิต แพร 1 ม.ค. 58 เขาไปอยู่ในรถเต่า ซึ่งแพรใช้ตลอดอยู่แล้ว 5 ก.ย.2558 แพร ก็ถ่ายรูปอยู่ในรถเต่า ถามว่าผู้หญิงคนไหนจะใจดี ใช้รถร่วมกับผู้หญิงคนอื่น เขาใช้รถเต่า แพร ก็เพิ่งมารู้ตอนเขาโพสต์รูป”
แพรยังกล่าวอีกว่า แม้เรื่องรถจะจบไปแล้ว แต่ฝ่ายชายกลับหยิบเรื่องนี้มาพูดซ้ำ ทำให้เธอต้องออกมาชี้แจงให้สังคมได้เห็นอีกมุมหนึ่งว่า “เรื่องรถก็ผ่อนจบไปแล้ว แต่เขาหยิบเรื่องนี้มาพูดอีก แพร ก็เลยต้องมาอธิบายว่าแพรรับอะไรมาบ้าง (เสียงสั่น) มันผ่านมาได้จบมาได้ 1.3 ล้าน ตอนรักกันดีจะพูดอะไรก็ได้ แต่วันแยกจากกันมันพลิกเปลี่ยนได้ แพรไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย”
เธอยังตั้งข้อสังเกตถึงการสื่อสารจากฝั่งหญิงออน ว่าไม่เคยมีการชี้แจงที่ชัดเจน มีเพียงแค่ข้อความที่ขอให้หยุดพูดเท่านั้น โดยกล่าวว่า “ที่ผ่านมาผู้หญิงทางเขา แค่ส่งข้อความให้เราหยุดพูด แล้วปาหลักฐานมา แต่ไม่เคยชี้แจงว่า 7 แสนอยู่ตรงไหน ไม่มีการเคลียร์ มีแต่ให้เราหยุดพูด เรามีความสามารถซื้อได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
ช่วงท้ายของไลฟ์ แพรถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ โดยบอกว่า “แพรไม่ได้เป็นหนี้เรื่องรถแล้ว แพรเคลียร์แล้ว วันนี้รู้สึกดีมาก (ปล่อยโฮสุดกลั้นน้ำตา) ที่ได้ออกมาพูดแล้วมีคนรับฟังจริงๆ ว่าเจออะไรมาบ้าง แพรก็เพิ่งรู้เมื่อคืนว่า ไฟแนนซ์ก็เป็นรุ่นพี่เขา อ๋อ เราก็คงเสียรู้เสียโง่อะไรหลายๆอย่างเอง เป็นบทเรียน ทุกอย่างที่พูดมีหลักฐานชัดเจนทุกอย่าง ไม่ได้พูดลอยๆ สิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเรื่องไหนไม่เคยทิ้งหลักฐานไปเลย เพราะมันเจ็บ”
ก่อนปิดท้ายด้วยข้อความจากเพื่อนของฝ่ายชาย ที่ส่งมาหาแพรโดยกล่าวหาว่าเธอเองก็ "คบซ้อน" เช่นกัน ซึ่งเธอได้โต้กลับอย่างชัดเจนว่า “เพื่อนเขาส่งมาหาแพร คดีพลิก ต่างคนต่างคบซ้อน คืออะไร พี่เอาหนูไปพูดอะไรยังไง ขนาดเพื่อนพี่ยังหาว่าหนูคบซ้อน คนคบซ้อนคือหนูหรือพี่ หลายๆอย่างที่เราเก็บมาสิบกว่าปีที่แล้ว เราโดนอะไรมาบ้าง ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้พูด แพร เป็นนักแสดงที่ไม่ค่อยได้ให้สัมภาษณ์ ในวัยนั้น 25-26 อาจมีบางคำพูดที่ขาดตกหรืออะไรไปบ้าง ถ้าตอนนั้นทำร้ายใคร ต้องขออภัยด้วย (ยกมือไหว้) วันนี้สิบปีมาแล้ว มันควรจะหยุดได้แล้ว”
ภาพจาก Prae Charnunphat






