ไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ศึกหุ้นบริษัท แตกหักกลางโหนกระแส

เพจดังสรุปดราม่า เปิดไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ"จากรายการโหนกระแส ศึกหุ้นแตกหัก ฟ้องเดือดแย่งอำนาจถือหุ้นบริษัท

จากประเด็นร้อนมหากาพย์ดราม่าธุรกิจเครื่องสำอาง โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ย.68 ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง "อรรถรส" ได้ออกมาโพสต์สรุปประเด็นเดือด "ดาราฮุบกิจการ" หลังรายการ โหนกระแส เปิดพื้นที่ให้ฝ่าย “พริม” (หุ้นส่วน) และ “ศสา” (ผู้จัดการเก่า) ออกมาเล่ามุมของตนเอง  ก่อนจะเป็นคิวของ "ออม สุชาร์" วันนี้(19 ก.ย.)

ไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ศึกหุ้นบริษัท แตกหักกลางโหนกระแส

โดยเพจ "อรรถรส" ระบุว่า สรุปประเด็นดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ผ่านรายการโหนกระแส วันนี้ทางคุณพริม (หุ้นส่วน) และคุณศสา (ผู้จัดการเก่า) มาพูดในวันนี้ พี่หนุ่มบอกว่า พรุ่งนี้เป็นฝั่งคุณออม สุชาร์ จะมา  
 
 จุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์

ทางคุณพริมที่เป็นหุ้นส่วน รู้จักกับทางคุณ ศสาที่เคยเป็นผู้จัดการของคุณออม ต่อมาทางคุณศสา อยากมีความมั่นคงในการงานอาชีพ เลยชวนคุณพริมมาทำแบรนด์เครื่องสำอางกัน  และเสนอให้ทำร่วมกับคุณออม 

 

ไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ศึกหุ้นบริษัท แตกหักกลางโหนกระแส

ซึ่งตอนแรก ทางคุณพริมบอกกับคุณศสาว่า ตนไม่อยากทำแบรนด์ร่วมกับดารา  แต่ทางคุณศสา ใช้ตัวเองการันตี ว่าคุณออมน่ารัก นิสัยดี ในรายการพี่หนุ่มถามว่า คุณพริมไม่อยากทำแบรนด์ร่วมกับดารา เพราะก่อนหน้าเคยมีปัญหากับน้ำชา ที่เคยทำแบรนด์ร่วมกัน ชื่อว่า RAD ใช่ไหม ทางคุณพริมก็บอกว่า เราเคยทำแบรนด์ด้วยกัน ก็มีปัญหา แต่เราก็เคลียร์กันไป แยกย้ายกันไป 
 

  จนสุดท้าย ทางคุณพริมก็เลยตัดสินใจร่วมทำแบรนด์กับทางคุณออม ซึ่งตอนแรกจะเป็นการรีแบรนด์ แต่พอเห็นว่าไม่เข้า ก็เลยทำแบรนด์ขึ้นมาใหม่ ชื่อ Fleen  ซึ่งในช่วงที่มีการคุยกัน ทางพริมยืนยัน ว่าตนขอถือหุ้นใหญ่สุด ซึ่งทางฝั่งออม ก็ขอเป็นหุ้นใหญ่เช่นกัน แต่พอไปคุยกัน เพราะทางพริม ชัดเจนว่า ขอเป็นหุ้นใหญ่ ไม่เช่นนั้น ตนจะไม่ทำ ทางฝั่งออมก็เลยยินยอม จนเมื่อตกลงกันได้ ทางฝั่งพริม ก็ไปวางแผน วางแบรนดดิ้ง วาง product ไลน์ ต่างๆ  ซึ่งในช่วงนั้นก็มีการพูดคุยเรื่องสัดส่วนถือหุ้นมาเรื่อยๆ และทางออม ก็บอกว่า ตนอยากมีความเป็นเจ้าของ อยากมีหุ้นเท่าๆ กับพริม สุดท้ายพริมเลยยอม เพราะเราทำงานไปแล้ว เซ็ตแบรนด์ไปแล้ว สต๊อกของไปแล้ว และตอนนั้น ใช้เครดิตของเราไปก่อน 
 
 จนหุ้นในบริษัท ก็แบ่งเป็น คุณพริม 48% คุณออม 48% และศสา 4% ทางศสาก็ออกมาพูดว่า ตอนแรกตนจะถือ 10%  แต่ว่ามันมีเรื่องราว จนถูกลด 4% เพราะทั้งสองฝ่าย มีการพูดคุย ว่าจะลงทุนเงินจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้คุณศสา ถือหุ้นลดลงมา 4%

ไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ศึกหุ้นบริษัท แตกหักกลางโหนกระแส

  จุดที่ทำเริ่มให้มีปัญหากัน 
 ทางคุณพริมเคยถามกับทางคุณออมว่า ถ้าวันหนึ่งตนไปทำแบรนด์อื่น คุณออมจะโอเคไหม  คุณออมก็บอกว่า ก็ได้สิเพราะคนเราไม่จำเป็นทำธุรกิจเดียว ทางคุณออมก็โทรหาคุณศสา ว่ามีการพูดคุยกัน และบอกว่า ทุกคนมีสิทธิ์ทำแบรนด์อะไรก็ได้ ทางออมเองก็มีสิทธิ์ไปรับพรีเซ็นเตอร์อะไรก็ได้ 
 ซึ่งทางคุณพริมบอกว่า ตนก็ยังมีชื่อใน RAD เพราะตนเป็นคนก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา แต่ตนมุ่งหน้าทำแบรนด์ Fleen ไปก่อน  แล้วต่อมาทางฝั่งคุณออม ก็ไปฟ้องคุณพริม ว่าคุณพริมทำธุรกิจค้าแข่ง เพราะคุณพริมทำ RAD และก็ทำ Fleen  เลยรู้ไส้ รู้พุงทั้งสองแบรนด์ คุณพริมบอกว่า ทางคุณออม รู้แต่แรกอยู่แล้วว่า คุณพริมทำแบรนด์ RAD มาก่อน และยืนยันว่าจุดขายแต่ละแบรนด์มันไม่เหมือนกัน เพราะทุกไลน์ Product สินค้า ตนเป็นคนคิดขึ้นมา มันไม่มีทางที่ตนจะมาก๊อปปี้สินค้าของตัวเอง  ทางทนายบอกว่า ในมุมทางกฏหมาย จริงๆ ทางแบรนด์ RAD ควรจะฟ้องคุณพริม เพราะแบรนด์ RAD มีมาก่อน 
 
 จุดเริ่มต้น ที่ทางคุณศสา ได้มีการขายแบรนด์ 
 ทางคุณออม ทักหาคุณศสา ให้มาทานข้าวกันที่บ้าน โดยที่ทางคุณศสา ไม่รู้ว่า การไปทานข้าวครั้งนี้ จะเป็นการเจรจาคุยชื้อขาย โดยทางออม บอกว่า ไปจับได้ว่าทางพริมใช้หัวกระดาษของ RAD ไปเชค material  ซึ่งทางออมบอกว่าไม่โอเคกับการทำงานของพริม ทางศสา ขอโทรไปเคลียร์ กับพริม แต่ทางออมขอให้ศสาอย่าโทรไปคุยกับพริม  พอคุณศสาไปที่บ้านคุณออม ก็มีหลายคนในบ้านที่มาคุยกัน  และในสนทนามีการบอกว่า 

  • คุณพริมกับสามีเอาเงินบริษัทไปใช้ส่วนตัว มีบิน Business Class 
  • บอกว่าคุณพริม ไม่เก่ง ถ้ายังให้พริมทำต่อ บริษัทจะพัง

 ทางฝั่งคุณศสาบอกว่า อยากให้เรียกมาคุย มาปรับความเข้าใจกัน แต่ใจคุณออมไม่ได้แล้ว  และสุดท้ายคุณออมขอซื้อหุ้นจากทางคุณศสา ซึ่งทางคุณศสา ขอดูงบการเงินบริษัท  ว่ามันคงเหลือเท่าไหร่ เพราะมีการบอกว่าบริษัทขาดทุน แต่ทางคุณออมบอกว่าตนก็ไม่ทราบ  

สุดท้ายแล้ว คุณศสาก็ขายหุ้น ไปจำนวน 2.5 ล้านบาท ซึ่งทางคุณศสา บอกว่า พอถึงวันนี้ที่มาทราบเรื่องก็บอกได้เลยว่า  เป็นการซื้อหุ้นแบบมิชอบ เพราะมีการปกปิดข้อมูล  บอกว่าทางบริษัทขาดทุน  และตนกลัวต้องลงทุนเพิ่ม
 
ทางคุณออมมีการถ่ายคลิป ตอนที่ชื้อขายหุ้น กับคุณศสาไว้ และมีการเซ็นสัญญา รักษาความลับในการซื้อขายหุ้น ถ้าข้อมูลรั่วจะถูกปรับจำนวนเงิน 500,000 บาท  โดยห้ามเอาเรื่องนี้ไปพูดที่อื่น และไปพูดกับพริม ซึ่งทางออมบอกถ้าตนได้หุ้นมาแล้ว ทางคุณศสา สามารถชื้อคืนกลับได้นะ จนท้ายที่สุดรูปแบบการถือหุ้นของบริษัท ก็เป็นที่คุณออม 52% และคุณพริม 48% 

ไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ศึกหุ้นบริษัท แตกหักกลางโหนกระแส
 
  ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากที่คุณออม ถือหุ้นใหญ่สุด 
 โดยทางคุณพริม บอกว่าตนไม่ทราบตั้งแต่ต้นเลยว่าคุณศสาขายหุ้นไป คุณพริมมารู้อีกที เดือนที่สาม-สี่ ซึ่งทางคุณพริม ก็มาทราบตอนที่คุยกันในที่ประชุม โดยบอกว่า เป็นการประชุมว่า บริษัทมีปัญหา ทางคุณพริมเลยบอกว่า ถ้าบริษัทมีปัญหา ก็ควรให้คุณศสารู้เรื่องด้วย ทางคุณออมก็เลยบอกว่า ไม่ต้องโทรไปแล้ว เพราะซื้อหุ้นไปแล้ว 4%  คุณพริมเล่าว่า  โดยก่อนหน้าที่ทางคุณออมจะปลดคุณพริมออกจากกรรมการ แต่ปลดไม่ได้ เพราะหุ้นมันเท่ากัน แต่พอหุ้นคุณออมมากกว่า เขาก็มีจัดประชุม โดยมีการปลดคุณพริมออกจากกรรมการ และมีการจัดตั้งครอบครัว มาเป็นกรรมการ  (ซึ่งทางคุณพริมพยายามคุยกับทางคุณออมอยู่ตลอด แต่มันก็ไม่ได้คุย) แล้วทางคุณพริมก็โดนตัดสิทธิ์อะไรหลายๆอย่าง  เช่น

  • ไม่สามารถเข้าถึงระบบหลังบ้านได้ 
  • ไม่สามารถเข้าถึงระบบโซเซียลที่เราสร้างขึ้นมาได้ 
  • มีการบล็อกเพจ ig  tiktok ไม่ให้คุณพริมเห็น 
  • มีการลบวิดีโอ ที่คุณพริมทำคอนเทนต์ บอกเล่าการสร้างแบรนด์ออกไป  
  • ปันผลก็ไม่ได้ และเงินเดือนก็ไม่ได้ 
  • มีงานอีเว้นท์ แต่ตนก็ไม่เคยถูกเชิญไปร่วมงานเลย

ไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ศึกหุ้นบริษัท แตกหักกลางโหนกระแส

  ก่อนหน้านั้น มีการติดต่อมาชื้อหุ้นกับคุณพริม มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท คุณพรีมบอกว่า มันควรจะมีบริษัทกลาง มาตีมูลค่าหุ้น ให้มันเป็นทางการมากกว่านี้
 

  •  ประเด็นการฟ้องร้องระหว่างคุณศสากับคุณออม 

  คือพอศสา ทราบเรื่องว่า บริษัทมันไม่ได้ขาดทุน มันมีกำไรด้วยซ้ำ  ก็เลยอยากจะขอซื้อหุ้นคืน  แต่เขาปฏิเสธ ก็เลยถูกทางคุณออมฟ้องในข้อหา

  • ละเมิดการเก็บความลับ 5,500,000 บาท
  • ฟ้องในข้อหา ทำให้ทางเขาถือครองหุ้น โดยไม่ปกติสุข 5,000,000 บาท 

ทางคุณศสา ก็เลยฟ้องกลับในข้อหา การซื้อหุ้นไปแบบฉ้อฉล  และปกปิดข้อมูลไว้ 
 

  •  ประเด็นที่ทางคุณพริม ฟ้องคุณออม

 คุณพริม ฟ้องในเรื่องการเอาเรื่อง 4% มาประชุมกันมันไม่ถูกต้องตามกฏหมาย  ส่วนคุณออมก็ฟ้องคุณพริมในประเด็นเรื่อง คู่ค้าแข่ง 
 

  •  จากนั้นก็มีแต่งกรรมการใหม่  มีการแตกหุ้น  (เป็นคนในครอบครัว) มีการโหวตพรีเซนเตอร์ 

โดยคุณพรีมบอกว่า ทางบริษัท มีการประชุมกัน โดยมีการโหวต ให้คุณออมมาเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ มูลค่าจ้าง 9.5 ล้านบาท  ซึ่งทางทนายของคุณพริม อธิบายว่า เขามีการแตกหุ้นบริษัท ให้ทางครอบครัว จากนั้นโหวตให้ทางคุณออมมาเป็นพรีเซนเตอร์ คุณพริม ก็แย้งจุดนี้ไปว่า เพราะตอนที่เราตกลงจะมาทำแบรนด์ เราตกลงกันว่า เราจะไม่มีค่าตัว เพราะทุกคนมีมูลค่าของตัวเอง
 

  •  จากนั้นทางฝั่งพี่หนุ่มก็ต่อสายทางคุณแอมป์ มี 4 เรื่อง ที่คุณแอมป์แย้งมา 

 1.เรื่องบัญชี ที่บอกเข้าถึงได้ แต่มันมาในรูปแบบบิลที่ละใบ ซึ่งทางน้องออมเอง ต้องไปทำคิดคำนวณบัญชีขึ้นมาเอง ซึ่งคนทำบัญชี เป็นญาติสามีคุณพรีม  
(แต่จุดนี้คุณพรีมแย้งว่า เรามีกลุ่มไลน์ มีเอกสารพูดคุยกันตลอด) 
2.เรื่องที่พยายามคุยดีกับทางเรา คุณแอมป์บอกว่าพยายามคุยดีมาตลอด แต่ทางคุณพรีม ลงโซเซียลโจมตีก่อน
3. เรื่องพรีเซนเตอร์   เป็นการอนุมัติว่าออมทำงานมา ไม่อนุมัติจ่าย และไม่ได้จ่าย  
4. เรื่องที่ฟ้องคุณศสา ว่า ถือครองหุ้นไม่ปกติสุข  เพราะคุณศสามอบอำนาจให้ทนายมาฟ้อง เรื่องที่เราไปซื้อหุ้น 4% ยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดว่า บริษัทขาดทุน ไม่มีกำไร 
 

  •   ธงของคุณพริม

คือ ยินดีให้มีการซื้อเปิดขายหุ้น แต่ต้องการให้มีบริษัทตรงกลาง มาประเมินมูลค่าบริษัทจริงๆ   แต่ทางฝั่งเขาไม่ขาย จะซื้ออย่างเดียว  ให้รับ 10 ล้านแล้วจบไป  ซึ่งทางคุณพรีม อยากได้ราคาที่มันเป็นธรรม เพราะตอนนี้เราไม่รู้ข้อมูลหลังบ้านอะไรเลย

ไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ศึกหุ้นบริษัท แตกหักกลางโหนกระแส
 

นอกจากนี้ "อรรถรส" ยังคอมเมนต์ว่า สิ่งที่รสสงสัย แต่ไม่ได้หมายความรสเอนเอียงนะคะ. รสสงสัยว่า การที่เราถือหุ้น 48% แต่ทำไมเราถึงโดน

  • ไม่สามารถเข้าถึงระบบหลังบ้านได้
  • ไม่สามารถเข้าถึงระบบโซเซียลที่เราสร้างขึ้นมาได้ มีการบล็อกเพจ ig tiktok ไม่ให้คุณพริมเห็น
  • มีการลบวิดีโอ ที่คุณพริมทำคอนเทนต์ บอกเล่าการสร้างแบรนด์ออกไป
  • ปันผลก็ไม่ได้ และเงินเดือนก็ไม่ได้
  • มีงานอีเว้นท์ แต่ตนก็ไม่เคยถูกเชิญไปร่วมงานเลย

ไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ศึกหุ้นบริษัท แตกหักกลางโหนกระแส

พร้อมเสริมว่ามีประเด็นนี้ที่รสตกหล่นนะคะ

  •  ฝั่งออมเสนอซื้อหุ้นฝั่งคุณพรีม 48% ในราคา 10 ล้าน
  •  แต่ถ้าจะซื้อหุ้นฝั่งออม 52% ต้องจ่าย 32.5 ล้าน

ไทม์ไลน์ดราม่า "ดาราฮุบกิจการ" ศึกหุ้นบริษัท แตกหักกลางโหนกระแส

ขอบคุณข้อมูลจาก อรรถรส