เป็กกี้ เปิดใจทั้งน้ำตา คนในอดีต ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน พร้อมสู้เต็มที่

"เป็กกี้ ศรีธัญญา" เปิดใจทั้งน้ำตา ได้รับหมายศาลจาก "คนในอดีต" ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน พร้อมสู้เต็มที่ รื้อฟ้องกลับทุกคดี

จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ทางด้าน "เป็กกี้ ศรีธัญญา" นักแสดงนักร้องและพิธีกรชื่อดัง โพสต์ภาพหมายศาลผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมระบุว่า "ตัวเย็นไปหมดเลยค่ะ ใครมีเบอร์ทนายแก้วบ้างคะ?? #ทนายแก้ว" และในรูปยังพิมพ์อีกว่า "ตกใจมากค่ะ กลับจากทำงานมา ได้รับหมายศาลจากคนในอดีต ฟ้องแบ่งทรัพย์สินเป็กค่ะ"

(อ่านข่าวเพิ่มเติม : "เป็กกี้ ศรีธัญญา" ตกใจหนักเจอ "คนในอดีต" ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน)

เป็กกี้ เปิดใจทั้งน้ำตา คนในอดีต ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน พร้อมสู้เต็มที่

ล่าสุด ทางด้าน เป็กกี้ ศรีธัญญา ได้มาออกงานเปิดตัว MV เพลงใหม่ "ไอ้หน้าหมี" ซึ่งทำร่วมกับนักร้องสาว "เด็บบี้ บาซู" จึงได้แถลงข่าวถึงประเด็น "คนในอดีต" ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน พร้อมกับ "ทนายแก้ว" มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล โดยทางด้านเพจดัง อรรถรส ได้สรุปบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ระบุว่า...

- พี่เป็กกี้เล่าว่ากลับถึงบ้านหลังทำงาน เห็นกองหมายศาลวางอยู่บนโต๊ะ ช็อกจนมือเย็น ตัวเย็น

 

- เพราะเป็นหมายฟ้องจาก "คนในอดีต" ที่เคยคบกัน มาขอแบ่งทรัพย์สิน

 

- ตั้งแต่เลิกกัน พี่เป็กกี้บอกว่า ตนไม่เคยออกมาพูดให้ร้าย ไม่เคยดราม่า ไม่เคยเอาเรื่องไปขยาย แต่รอบนี้บอกตรง ๆ ว่า "อะไรที่เคยเงียบ…จะพูดให้หมด"

 

- พี่เป็กกี้บอกว่าสงสารตัวเองที่สุด เพราะตอนคบกันเธอทำงานหนักตัวคนเดียว

 

- ตอนคบกันก็คอยซับพอร์ตเขาทุกอย่าง ทั้งเงินเดือน ค่ากินอยู่ ค่าส่งเสียและครอบครัวเขาก็ไม่ต้องทำงาน เธอดูแลหมด

 

- และยังต้องคอยปลุกให้ตื่น ขับรถไปส่งงาน และพอตอนเลิกกันไป 2 ปี ยังต้องมาสู้คดีแบบนี้อีก

 

- ระหว่างคบกัน ฝ่ายชายได้ทั้งเงินเดือน + ปันผลทุก 3 เดือน + ค่าดูแลสารพัด แทบไม่ได้ควักอะไรเองเลย ทริปต่างประเทศก็พี่เป็กกี้เป็นคนออกให้ทั้งหมด

 

- พี่เป็กบอกว่าตนทำเต็มทีแล้ว เป็กโดนนอกใจ แต่เป็กไม่ได้เสียใจเรื่องนั้นแล้ว แต่เป็กสงสัยว่า ต้องมาทำร้ายเราถึงขนาดนี้เลยเหรอ

 

- จุดที่ช้ำสุดคือ ตอนเลิกกันเขาพูดเองว่า "ไม่เอาอะไรเลย รู้ตัวว่าผิด" แต่เป็นคำพูดลอย ๆ ไม่มีเอกสาร

 

- พี่เป็กกี้เชื่อใจ เลยไม่ได้ทำอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร คิดว่าเขาจะไปสร้างชีวิตใหม่ ดูแลลูกเมียตัวเองแล้ว

เป็กกี้ เปิดใจทั้งน้ำตา คนในอดีต ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน พร้อมสู้เต็มที่

- แต่สิ่งที่เงียบไปไม่ใช่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่คือการรวบรวมเอกสารกลับมาฟ้องนี่แหละ…

 

- ฝั่งทนายแก้วยืนยันชัดเจนว่าคดีนี้ "ไม่ใช่สินสมรส" เพราะไม่เคยจดทะเบียน เรื่องนี้เข้าข่าย "ทำมาหาได้ร่วมกัน" ซึ่งต้องพิสูจน์ว่าเขามีส่วนร่วมจริงหรือไม่

 

- ทนายอ่านคำฟ้องแล้วบอกเลยว่า "สู้ได้ทุกประเด็น" เพราะฝ่ายชายรับเงินในฐานะ "ลูกจ้างบริษัท" ไม่ใช่หุ้นส่วน มีประกันสังคม รับเงินเดือน มีปันผลตามสิทธิพนักงาน ไม่เข้าเงื่อนไขการแบ่งทรัพย์แบบที่ฟ้อง

 

- มีคดีฟ้องกลับแน่นอน เพราะมีหลักฐานว่าอีกฝ่ายเคยแฮกข้อมูล เข้ารหัสผ่าน และกล้องวงจรปิด ซึ่งเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โทษหนักสุดถึงจำคุก 5 ปี

 

- หลังเลิกกัน พี่เป็กกี้เคยหวาดระแวงหนัก เพราะอีกฝ่ายรู้รหัสเข้าบ้าน รู้มุมกล้องวงจรปิด จนต้องเรียกตำรวจมาติด "ตู้แดง"หน้าบ้านและจ้าง รปภ. ดูแล 24 ชั่วโมง

 

- อีกอย่างที่หนักคือสุขภาพจิต พี่เป็กกี้ป่วยแพนิค หายใจไม่ออก ใจสั่น ต้องลงไปแช่น้ำแข็งกับนั่งสมาธิ ไม่อยากกินยาเพราะกลัวกระทบงาน

 

- พี่เป็กกี้พูดไว้ว่า "คุณก็เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว คุณก็ควรจะทำมาหากิน เพื่อดูแลคนของคุณ ไม่ใช่กลับมาเอาเงินเป็กเพื่อไปดูแลคนของคุณ อันนี้มันไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นเป๊กก็จะสู้เต็มที่"

เป็กกี้ เปิดใจทั้งน้ำตา คนในอดีต ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน พร้อมสู้เต็มที่

 

ขอบคุณ อรรถรส