- 01 ธ.ค. 2568
"เป็กกี้ ศรีธัญญา" เปิดใจทั้งน้ำตา ได้รับหมายศาลจาก "คนในอดีต" ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน พร้อมสู้เต็มที่ รื้อฟ้องกลับทุกคดี
จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ทางด้าน "เป็กกี้ ศรีธัญญา" นักแสดงนักร้องและพิธีกรชื่อดัง โพสต์ภาพหมายศาลผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมระบุว่า "ตัวเย็นไปหมดเลยค่ะ ใครมีเบอร์ทนายแก้วบ้างคะ?? #ทนายแก้ว" และในรูปยังพิมพ์อีกว่า "ตกใจมากค่ะ กลับจากทำงานมา ได้รับหมายศาลจากคนในอดีต ฟ้องแบ่งทรัพย์สินเป็กค่ะ"
(อ่านข่าวเพิ่มเติม : "เป็กกี้ ศรีธัญญา" ตกใจหนักเจอ "คนในอดีต" ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน)
ล่าสุด ทางด้าน เป็กกี้ ศรีธัญญา ได้มาออกงานเปิดตัว MV เพลงใหม่ "ไอ้หน้าหมี" ซึ่งทำร่วมกับนักร้องสาว "เด็บบี้ บาซู" จึงได้แถลงข่าวถึงประเด็น "คนในอดีต" ฟ้องแบ่งทรัพย์สิน พร้อมกับ "ทนายแก้ว" มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล โดยทางด้านเพจดัง อรรถรส ได้สรุปบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ระบุว่า...
- พี่เป็กกี้เล่าว่ากลับถึงบ้านหลังทำงาน เห็นกองหมายศาลวางอยู่บนโต๊ะ ช็อกจนมือเย็น ตัวเย็น
- เพราะเป็นหมายฟ้องจาก "คนในอดีต" ที่เคยคบกัน มาขอแบ่งทรัพย์สิน
- ตั้งแต่เลิกกัน พี่เป็กกี้บอกว่า ตนไม่เคยออกมาพูดให้ร้าย ไม่เคยดราม่า ไม่เคยเอาเรื่องไปขยาย แต่รอบนี้บอกตรง ๆ ว่า "อะไรที่เคยเงียบ…จะพูดให้หมด"
- พี่เป็กกี้บอกว่าสงสารตัวเองที่สุด เพราะตอนคบกันเธอทำงานหนักตัวคนเดียว
- ตอนคบกันก็คอยซับพอร์ตเขาทุกอย่าง ทั้งเงินเดือน ค่ากินอยู่ ค่าส่งเสียและครอบครัวเขาก็ไม่ต้องทำงาน เธอดูแลหมด
- และยังต้องคอยปลุกให้ตื่น ขับรถไปส่งงาน และพอตอนเลิกกันไป 2 ปี ยังต้องมาสู้คดีแบบนี้อีก
- ระหว่างคบกัน ฝ่ายชายได้ทั้งเงินเดือน + ปันผลทุก 3 เดือน + ค่าดูแลสารพัด แทบไม่ได้ควักอะไรเองเลย ทริปต่างประเทศก็พี่เป็กกี้เป็นคนออกให้ทั้งหมด
- พี่เป็กบอกว่าตนทำเต็มทีแล้ว เป็กโดนนอกใจ แต่เป็กไม่ได้เสียใจเรื่องนั้นแล้ว แต่เป็กสงสัยว่า ต้องมาทำร้ายเราถึงขนาดนี้เลยเหรอ
- จุดที่ช้ำสุดคือ ตอนเลิกกันเขาพูดเองว่า "ไม่เอาอะไรเลย รู้ตัวว่าผิด" แต่เป็นคำพูดลอย ๆ ไม่มีเอกสาร
- พี่เป็กกี้เชื่อใจ เลยไม่ได้ทำอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร คิดว่าเขาจะไปสร้างชีวิตใหม่ ดูแลลูกเมียตัวเองแล้ว
- แต่สิ่งที่เงียบไปไม่ใช่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่คือการรวบรวมเอกสารกลับมาฟ้องนี่แหละ…
- ฝั่งทนายแก้วยืนยันชัดเจนว่าคดีนี้ "ไม่ใช่สินสมรส" เพราะไม่เคยจดทะเบียน เรื่องนี้เข้าข่าย "ทำมาหาได้ร่วมกัน" ซึ่งต้องพิสูจน์ว่าเขามีส่วนร่วมจริงหรือไม่
- ทนายอ่านคำฟ้องแล้วบอกเลยว่า "สู้ได้ทุกประเด็น" เพราะฝ่ายชายรับเงินในฐานะ "ลูกจ้างบริษัท" ไม่ใช่หุ้นส่วน มีประกันสังคม รับเงินเดือน มีปันผลตามสิทธิพนักงาน ไม่เข้าเงื่อนไขการแบ่งทรัพย์แบบที่ฟ้อง
- มีคดีฟ้องกลับแน่นอน เพราะมีหลักฐานว่าอีกฝ่ายเคยแฮกข้อมูล เข้ารหัสผ่าน และกล้องวงจรปิด ซึ่งเข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โทษหนักสุดถึงจำคุก 5 ปี
- หลังเลิกกัน พี่เป็กกี้เคยหวาดระแวงหนัก เพราะอีกฝ่ายรู้รหัสเข้าบ้าน รู้มุมกล้องวงจรปิด จนต้องเรียกตำรวจมาติด "ตู้แดง"หน้าบ้านและจ้าง รปภ. ดูแล 24 ชั่วโมง
- อีกอย่างที่หนักคือสุขภาพจิต พี่เป็กกี้ป่วยแพนิค หายใจไม่ออก ใจสั่น ต้องลงไปแช่น้ำแข็งกับนั่งสมาธิ ไม่อยากกินยาเพราะกลัวกระทบงาน
- พี่เป็กกี้พูดไว้ว่า "คุณก็เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว คุณก็ควรจะทำมาหากิน เพื่อดูแลคนของคุณ ไม่ใช่กลับมาเอาเงินเป็กเพื่อไปดูแลคนของคุณ อันนี้มันไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นเป๊กก็จะสู้เต็มที่"
ขอบคุณ อรรถรส






