- 16 พ.ย. 2559
นิตยสารวัยรุ่นถูกถล่มยับในสิงคโปร์ หลังแนะนำหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกเพื่อนชายข่มขืนว่า เธอควรขอบคุณที่ชายคนนั้นสวมถุงยางอนามัย
นิตยสารวัยรุ่นถูกถล่มยับในสิงคโปร์ หลังแนะนำหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกเพื่อนชายข่มขืนว่า เธอควรขอบคุณที่ชายคนนั้นสวมถุงยางอนามัย
คอลัมน์ “เดียร์ เคลลี่” ในนิตยสารทีนเอจ ฉบับเดือน พ.ย. มีผู้อ่านสาวคนหนึ่งเขียนมาขอคำแนะนำว่า “ฉันวางแผนจะค้างกับผู้ชายที่พบ ฉันตื่นเต้นมากและรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ เมื่อฉันไปถึงเขาให้ของขวัญ กอดและจูบ จนฉันต้องผละออกมา”
หลังจากยามเย็นอันยาวนานรวมทั้งอาหารค่ำแสนโรแมนติก เจ้าของจดหมายซึ่งไม่เปิดเผยชื่อจริง เล่าว่า เธอดื่มมากเกินไป จนไม่อาจต้านทานการจู่โจมของเพื่อนชายได้ เขาทั้งกอด ทั้งจูบ และถอดเสื้อผ้าของเธอ หลังจากนั้นเธอจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากตื่นเช้ามาในวันรุ่งขึ้นพบว่าตนเองนอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงข้าง ๆ ชายคนนั้น ซึ่งพูดว่า “ว้าว! ผมไม่คิดว่าคุณเป็นสาวบริสุทธิ์นะที่รัก”
แต่เคลลี่คอลัมนิสต์ตอบกลับมาว่า “น่าเสียดาย สิ่งที่คุณเล่ามาบอกว่าคุณเต็มใจเล่นตามแผนปล้นสวาทของเขา ฉันไม่โทษเขาหรอกที่คิดว่าคุณไม่บริสุทธิ์ คุณทำตัวราวกับว่าช่ำชองเรื่องแบบนี้ ฉันช่วยอะไรไม่ได้ แต่สงสัยว่าเหตุใดนักเรียนอาชีวะจึงไร้เดียงสาเช่นนี้ คุณน่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยอมไปค้างบ้านผู้ชายสองต่อสอง“ ก่อนจะสรุปว่า ”คุณต้องขอบคุณที่เขาสวมถุงยางอนามัย”
คำแนะนำรุนแรงทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจในโลกออนไลน์ถึงเคลลี่ ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อยี่ ซิง เปกี โพสต์ข้อความว่า ถึงเคลลี่ ฉันเสียใจที่หลงอ่านคอลัมน์นี้มานานในฐานะวัยรุ่น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณไม่ใส่ใจหญิงมีมลทินและสร้างความอับอายให้กับเหยื่อ
ต่อมานิตยสารทีนเอจต้องขอโทษสำหรับคอลัมน์ดังกล่าว พร้อมตีพิมพ์แถลงการณ์จากเคลลี่ โชปาร์ด ครูผู้เขียนคอลัมน์นี้มาตั้งแต่ปี 2539 ซึี่งระบุว่า เธอขอโทษอย่างสุดซึ้งที่คำตอบดูหยาบกระด้างและตำหนิผู้เสียหาย แต่ที่ต้องใช้น้ำเสียงเช่นนั้นเพื่อมั่นใจว่า เจ้าของจดหมายจะไม่ทำพฤติกรรมเสี่ยงแบบนั้นอีก และต้องการเตือนผู้อ่านถึงผลที่ตามมา
ด้านสมาคมผู้หญิงเพื่อการปฏิบัติและการวิจัย (อะแวร์) ในสิงคโปร์ แถลงว่า การข่มขืนเกิดขึ้นเพราะผู้กระทำผิดเลือกที่จะมองข้ามความยินยอมพร้อมใจ ไม่ใช่เพราะการตัดสินใจของผู้เสียหาย แทนที่จะตำหนิหรือพิพากษาเหยื่อที่ถูกข่มขืน คอลัมนิสต์ควรบอกให้ชัดเจนว่า การข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศไม่ใช่ความผิดของผู้เสียหาย และต้องกระตุ้นให้พวกเธอหาความช่วยเหลือและการสนับสนุน
เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์