ดูซิว่าใครจะแน่กว่ากัน!! "จีน" เตือน "โดนัลด์ ทรัมป์" อย่ายุ่ง เรื่องนิวเคลียร์อิหร่าน

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนส่งสัญญาณปราม โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งขู่จะคว่ำข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์อิหร่าน โดยเตือน ว่าข้อตกลงดังกล่าว “ไม่ควรได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงทางกา

สำนักข่าวเอเอฟพี ได้รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนส่งสัญญาณปราม โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งขู่จะคว่ำข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์อิหร่าน โดยเตือน ว่าข้อตกลงดังกล่าว “ไม่ควรได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายใน” ของทุกประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

 

       
       แผนปฏิบัติการร่วมฉบับสมบูรณ์ (Joint Comprehensive Plan of Action) ซึ่งอิหร่านและกลุ่มมหาอำนาจ P5+1 (สหรัฐฯ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส บวกกับ เยอรมนี) ได้ร่วมลงนามที่กรุงเวียนนาเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2015 และเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือน ม.ค. ปีนี้ นับเป็นชัยชนะทางการทูตและผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา สมัยที่สอง โดยกำหนดเงื่อนไขให้อิหร่านจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์ลง เพื่อแลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ และนานาชาติ
       
       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ขู่จะฉีกข้อตกลงนี้ทิ้งทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง โดยกล่าวหาว่ามันเป็นข้อตกลงที่ “เลวร้ายที่สุด” เท่าที่เคยเจรจากันมา
       

นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ได้แถลงข่าวหลังจากพูดคุยกับ จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านว่า ข้อตกลงฉบับนี้เป็น “ความรับผิดชอบและหน้าที่ร่วมของทุกๆ ฝ่าย” ซึ่ง “ไม่ควรได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายในที่เปลี่ยนแปลงของแต่ละประเทศที่เกี่ยวข้อง”
       
       “สิ่งสำคัญก็คือ การเคารพต่อพันธกรณี และการมีความเชื่อมั่นเมื่อต้องเผชิญกับความแตกต่าง หรือโอกาสที่จะเกิดความแตกต่างขึ้น” เกี่ยวกับข้อตกลงนี้
       

 


       สัปดาห์ที่แล้ว สภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้โหวตขยายอายุกฎหมายคว่ำบาตรการทดสอบขีปนาวุธและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอิหร่านต่อไปอีก 10 ปี โดยอ้างว่าเป็นคนละส่วนกับข้อตกลงนิวเคลียร์ ขณะที่อิหร่าน มองว่าเรื่องนี้สะท้อนถึงความหน้าไหว้หลังหลอกของอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหรัฐฯ ยังไม่สนับสนุนให้สถาบันการเงินต่างชาติเข้าไปทำธุรกิจในอิหร่านดังเดิม

รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านประกาศกร้าวว่า “เราจะไม่ยอมให้ใครกระทำการฝ่ายเดียวอันละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์”

ซารีฟ ระบุด้วยว่า ตนได้หารือกับ หวัง ในเรื่องการยกระดับความร่วมมือด้านพลังงาน, การคมนาคมขนส่ง, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, การป้องกันประเทศ และการต่อต้านก่อการร้าย
       
       “เราไม่ต้องสงวนท่าที หรือมีขีดจำกัดใดๆ ทั้งสิ้นในความสัมพันธ์กับจีน เพราะเราทั้งสองชาติมีหลักการและจุดมุ่งหมายร่วมกันในเรื่องกฎระเบียบโลกในอนาคต”
       
       นายหวัง อี้  และ จาวัด ซารีฟ ได้เอ่ยถึงการไปเยือนอิหร่านของประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง เมื่อเดือน ม.ค. ว่าเป็น “ทริปประวัติศาสตร์” ที่ทั้งสองชาติได้เซ็นข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจหลายฉบับ รวมมูลค่าถึง 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในระยะเวลา 10 ปี
       
       ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ยังถือเป็นผู้นำจีนคนแรกที่ไปเยือนอิหร่านในรอบ 14 ปี
       
       แม้จีนจะแทบไม่เคยแสดงบทบาทผู้นำในเรื่องปัญหาตะวันออกกลาง แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า ภูมิภาคนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ “One Belt, One Road” ซึ่งเป็นโครงการของจีนที่จะฟื้นฟูเส้นทางสายไหมใหม่ในศตวรรษที่ 21
       
       จีนซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ยังต้องพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมากจากตะวันออกกลาง

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์