- 18 ม.ค. 2560
เดวิด แชมบอห์ ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งภาควิชานโยบายจีน มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา
เดวิด แชมบอห์ ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งภาควิชานโยบายจีน มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ระบุว่าการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเรื่องที่ต้องจับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ที่มีต่อจีน และต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศาสตราจารย์ ผู้นี้ บอกว่า นโยบายหลายอย่างที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศไว้ตอนหาเสียงนั้นทำไม่ได้จริง และบางเรื่องก็เป็นการพูดขึ้นมาเพื่อหวังผลประโยชน์ในตอนหาเสียงเท่านั้น โดยตัวเขานั้นเชื่อว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่คิดที่จะทำจริง เช่น การประกาศทำสงครามการค้ากับจีนด้วยการปรับขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากร เป็นต้น
เดวิด แชมบอห์ ยังได้พูดถึงนโยบายที่มีต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้เหมือนรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่เชื่อว่า สหรัฐฯ จะเพียงแค่ ไม่สนใจบ้าง แต่ไม่ถึงกับไม่สนใจเสียทีเดียว อย่างที่ พล.อ.เจมส์ แมททิส ว่าที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวยืนยันไว้ในการบวนการรับรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า นโยบายหรือโครงการความร่วมมือต่างๆ ในภูมิภาคนี้จะยังคงมีความต่อเนื่องเหมือนเช่นเดิม
เดวิด แชมบอห์ ยังได้ให้ความเห็นต่อว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียนมากเท่ากับ บารัค โอบามา แต่ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และจีนของชาติในภูมิภาคอาเซียนไม่ใช่เกมการแข่งขันที่ต้องมีผู้แพ้ชนะและไม่ใช่สิ่งที่ต้องเลือก เป็นเรื่องดีที่ชาติในอาเซียนจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับทั้งจีนและสหรัฐฯ อาทิ ไทยที่เป็นพันธมิตรเก่าแก่ยาวนานของสหรัฐฯ แต่ก็มีความสัมพันธ์ทางการทูต วัฒนธรรม และการค้ากับจีน รวมถึงล่าสุดที่มีการพัฒนาความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคงกับจีนได้เช่นเดียวกัน กับที่เคยมี ความสัมพันธ์ กับสหรัฐฯ
นอกจากนั้นทางด้าน เดวิด แชมบอห์ ยังทิ้งท้ายว่า หากอาเซียนชาติใด ที่จะเลือก จีน แล้ว เดินหนีสหรัฐฯ ถือว่าผิดพลาดอย่างยิ่ง มีตัวอย่างให้เห็นคือ รัฐบาลที่ผ่านมาของเมียนมา นั่นเอง
เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์