จับตาศุกร์นองเลือด!! "โดนัลด์ ทรัมป์" สาบานตนรับตำแหน่ง หวั่น "วินาศกรรม" ขณะที่กลุ่มต่าง ๆ ประท้วงวุ่น มีโอกาสเกิดความรุนแรงสูง

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.แล้วในขณะนี้ ก่อนเข้าทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันนี้

โดยทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางโดยเครื่องบินของกองทัพสหรัฐ โดยไม่มีตัวแทนของสื่อมวลชนบนเครื่อง และถึงสนามบินแอนดรูส์ในรัฐแมรีแลนด์ในช่วงบ่ายของวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา โดยเดินทางพร้อมกับนางเมลาเนีย ภรรยา รวมทั้งสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัว

นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าร่วมกิจกรรมมากมายในวันนี้ ที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตน โดยจะร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดี รวมทั้งเจ้าหน้าที่คนอื่นๆที่โรงแรมวอชิงตัน, ร่วมพิธีวางพวงหรีดที่สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน และไปงานคอนเสิร์ตที่อนุสรณ์สถานลินคอล์น

ส่วนในคืนนี้ เขาจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำสำหรับแขกผู้มีเกียรติ ก่อนที่จะเข้านอนที่บ้านพักรับรองของประธานาธิบดี ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทำเนียบขาว

 

นายเจห์ จอห์นสัน รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงภายในมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวที่ศูนย์สื่อสารความมั่นคงซึ่งทำหน้าที่ประสานงานด้านความปลอดภัยในระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ระบุว่า มีคนอเมริกันระหว่าง 700,000-900,000 คนเดินทางมาร่วมพิธีในวันที่ 20 มกราคมที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันประกอบพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์

 

ทั้งนี้รวมถึงกลุ่มรณรงค์ด้านต่างๆรวม 99 กลุ่มที่เตรียมชุมนุมในช่วงเวลาทั้งก่อนพิธี ระหว่างและหลังพิธีแล้วเสร็จ สร้างปัญหาในการรักษาความปลอดภัยรวมทั้งการอารักขาตัวประธานาธิบดีคนใหม่อย่างหนัก เนื่องจากมีหลายจุดมากในพิธีการที่ผู้นำใหม่และผู้นำในอดีตหลายคนของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยตัวต่อสาธารณะ

 

นายเจห์ จอห์นสัน ได้แจ้งว่าขณะนี้มีการระดมกำลังจากหน่วยงานความมั่นคงต่างๆถึง 50 หน่วยงานเพื่อรักษาความปลอดภัยในช่วงนี้ ใช้กำลังไม่น้อยกว่า 28,000 นายทั้งเจ้าหน้าที่ลับที่ทำหน้าที่อารักขาผู้นำระดับสูงโดยตรง, กำลังจากกองทหารรักษาดินแดน, สำนักงานสอบสวนกลาง(เอฟบีไอ) และเจ้าหน้าที่ตำรวจในภูมิภาคเข้ามาทำหน้าที่ครั้งนี้ โดยจะมีการกันพื้นที่บริเวณใจกลางวอชิงตันราว 7 ตารางกิโลเมตร ห้ามรถเข้าออก ผู้ที่เดินเท้าเข้ามาในบริเวณดังกล่าวก็จะถูกตรวจตราเข้มงวด จำกัดแค่กระเป๋าขนาดเล็ก, มือถือ,กระเป๋าเงิน ห้ามสะพายเป้และพกพาสิ่งอื่นรวมทั้งจักรยานเข้าไปเด็ดขาด

 

 

 

ถึงขณะนี้ มีอย่างน้อย  30 กลุ่มได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการให้ชุมนุมในพื้นที่ใกล้เคียงกับอาคารรัฐสภาแล้ว รวมทั้งกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเรือนที่นำโดย อัล ชาร์ปตัน ผู้นำผิวดำที่เริ่มก่อหวอดประท้วงตั้งแต่วันที่ 14 มกราคมโดยมีผู้เข้าร่วมราว 2,000 คนส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำที่ต้องการรักษาสิทธิของชนกลุ่มน้อยและประกาศจะรณรงค์ต่อเนื่องตลอด 4 ปีภายใต้การปกครองของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นอกเหนือจากนั้นยังมีนักเคลื่อนไหวอีกหลายกลุ่มที่ประกาศจะปิดล้อมพิธีสาบานตนดังกล่าว แต่ที่เชื่อกันว่าจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ก็คือกลุ่มวีเมนส์ มาร์ช ออน วอชิงตัน ที่กำหนดเดินขบวนต่อต้านทรัมป์หนึ่งวันหลังการสาบานตนและคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 200,000 คน

 

เมื่อช่วงต้นเดือน ธันวาคม ที่ผ่านมานั้นทางด้าน อาแม็ก เอเจนซี่ เทเลแกรม แชนแนล ซึ่งเป็นสื่อที่ฝักใฝ่กลุ่มไอเอส รายงานว่า ไอเอสกำลังระดมสมาชิกระดับปฏิบัติการที่พูดภาษาอังกฤษในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมตัวทำสงครามครั้งใหญ่ที่พวกเขาเรียกว่า “ศุกร์นองเลือด” ในวันศุกร์ที่ 20 ม.ค. ปี 2560 ซึ่งเป็นวันที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี 

นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคง ที่เฝ้าติดตามการสื่อสารระหว่างสมาชิกของกลุ่มไอเอสที่กำลังวางแผนจะเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ในวันนั้น และพบการเคลื่อนไหวที่รวมถึงการออกคลิปวิดีโอชุดพิเศษที่มีคำบรรยายภาษาอังกฤษ และสำรวจเป้าหมายเพิ่มเติมในการโจมตีบนแผ่นดินสหรัฐฯ

 

  

 

อาแม็ก เพิ่งจะกลับมาเคลื่อนไหวทางโซเชียล เน็ตเวิร์ค หลังออฟไลน์ไปตอนที่นายอับดุล ราซัค อาลี อาร์ตัน นักศึกษาชาวโซมาเลียวัย 18 ปี ขับรถยนต์พุ่งชนคนบนบาทวิถีและยังใช้มีดไล่แทงที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอ สเตท เมื่้อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 9 คน ส่วนนายอาร์ตันถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งกลุ่มไอเอสได้ยืนยันว่า เขาเป็นสมาชิกของกลุ่ม

 

เหตุการณ์นี้ มีขึ้นในช่วงที่ตำรวจสากล หรือ ยูโรโพล เตือนว่า อังกฤษเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ตกเป็นเป้าหมายระดับสูงของกลุ่มไอเอส และบอกด้วยว่า หลังก่อเหตุโจมตีในเบลเยียมและฝรั่งเศส พวกหัวรุนแรงสุดโต่งมีแนวโน้มจะก่อเหตุอีกในอนาคต การที่สมาชิกสหภาพยุโรป หรือ อียู เข้าร่วมในกองกำลังผสมในการกวาดล้างไอเอส ทำให้ฝรั่งเศสยังคงเป็นเป้าหมายระดับสูง เช่นเดียวกับเบลเยียม เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์และสหราชอาณาจักร

 

จากการประเมินของหน่วยข่าวกรอง ชี้ว่า มีพวกหัวรุนแรงหลายสิบคนที่รับคำสั่งจากไอเอส อาจจะเข้าไปอยู่ในยุโรปแล้ว และมีศักยภาพพอที่จะก่อเหตุวินาศกรรม และมีสิ่งบ่งชี้ด้วยว่า ไอเอสวางแผนโจมตียุโรปมาตั้งแต่ปี 2556 

หน่วยข่าวกรองระบุอีกว่า ไอเอสได้ตั้งทีมก่อการร้ายในซีเรีย และส่งไปยังยุโรปเพื่อเปิดฉากโจมตี ขณะที่ยูโรโพล คาดว่า มีอัตราที่เพิ่มขึ้นของการเดินทางกลับของพวกนักรบต่างชาติ หลังจากไอเอสแพ้หรือกำลังอ่อนแอในซีเรียและอิรัก 

นอกจากนี้ การกดดันทางทหารที่รวมทั้งการรบที่หนักหน่วงในเมือง
โมซุลของอิรัก ได้ก่อให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับนักรบที่แตกพ่ายที่คิดจะเข้าไปในอียู และจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งในด้านความมั่นคง

 

 

 

เรียบเรียงโดย สถาพร สำนักข่าวทีนิวส์