"กำลังรบนิวเคลียร์โลก"  ..วัดกันจะๆประเทศไหนครอบครอง!!ศักยภาพสูงสุดยิ่งข้ามทวีป!!?? มีไว้ป้องกันอธิปไตยหรือทำลายผู้ถือครอง??

"กำลังรบนิวเคลียร์โลก" ..วัดกันจะๆประเทศไหนครอบครอง!!ศักยภาพสูงสุดยิ่งข้ามทวีป!!?? มีไว้ป้องกันอธิปไตยหรือทำลายผู้ถือครอง??

การครอบครองอาวุธนิวเคลียร์เป็นหนึ่งในสาเหตุ ที่สหรัฐอเมริกา ใช้เป็นข้ออ้างให้เกิดความชอบธรรมในการรุกรานประเทศต่างๆโดยในอดีตที่ผ่านมา อิรัก เป็นตัวอย่างให้เห็นถึงประเทศที่ถูกกระทำ ได้ถูกสหรัฐโจมตีจนพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี แต่สุดท้ายกลับไม่พบอาวุธนิวเคลียร์แต่อย่างใด โดยอิรักได้ยุติโครงการนิวเคลียร์ เคมีและชีวภาพใน พ.ศ. 2534 และต่อมากับกรณีที่มีกระแสข่าวการรอบสังหารผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่ง"หน่วยซีลทีม 6" ของนาวิกโยธินสหรัฐ ได้ถูกส่งตัวไปยังเกาหลีใต้แล้ว เพื่อฝึกเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าไปปฏิบัติการปลิดชีพ นายคิม จอง อึน ถือเป็นข่าวที่สอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เลือกแผนการลอบสังหารผู้นำเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นการชิงลงมือก่อนและรักษาสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีให้ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์

ทั้งนี้อาวุธนิวเคลียร์ ไม่มีเฉพาะเกาหลีเหนือที่เป็นผู้ครอบครอง ยังมีอีกหลายประเทศ ร่วมถึงสหรัฐเองก็ด้วย ปัจจุบันโลกมีหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 31,000 นัด ที่ยังคงบรรจุประจำการอยู่ใน 8 ประเทศ ไม่รวมเกาหลีเหนือ ได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย จีน สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อินเดีย ปากีสถาน และอิสราเอล โดยส่วนหนึ่งถูกเก็บรักษาไว้ในคลังแสง และอีกส่วนหนึ่งได้เคลื่อนย้ายวางกำลังไว้ ณ ที่ตั้งหน่วยทหารที่เป็นหน่วยยิงประมาณ 13,000 นัด ซึ่งในจำนวนนี้อยู่ในสภาพพร้อมรบเต็มที่ High Alert ประมาณ 4,600 นัด พร้อมใช้งานในไม่กี่นาทีตลอดเวลา หัวรบนิวเคลียร์เหล่านี้มีอำนาจการทำลายคิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT (Trinitrotoluene : C6H2(NO2)3CH3) ประมาณ 5,000 Megaton คือประมาณ 20,000 เท่าของระเบิดนิวเคลียร์ที่ใช้ที่ฮิโรชิมา ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

ล่าสุดนายคิม จองอึนได้เป็นประธานในพิธีเดินขบวนพาเหรดครั้งยิ่งใหญ่ทั้งของกองทัพและภาคประชาชน บริเวณจัตุรัสคิม อิลซุง ในกรุงเปียงยาง เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 105 ของนายคิม อิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ พิธีเฉลิมฉลองในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี

นายโช รยองแฮ รองประธานคณะกรรมาธิการกองทัพกลางของเกาหลีเหนือ ทำหน้าที่กล่าวสุนทรพจน์ท่ามกลางประชาชนหมายหมื่นคน เรียกร้องให้สหรัฐฯยุติการยั่วยุ บนคาบสมุทรเกาหลี และยืนยันว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือพร้อมตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทุกรูปแบบของสหรัฐฯ

"กำลังรบนิวเคลียร์โลก"  ..วัดกันจะๆประเทศไหนครอบครอง!!ศักยภาพสูงสุดยิ่งข้ามทวีป!!?? มีไว้ป้องกันอธิปไตยหรือทำลายผู้ถือครอง??

 

"กำลังรบนิวเคลียร์โลก"  ..วัดกันจะๆประเทศไหนครอบครอง!!ศักยภาพสูงสุดยิ่งข้ามทวีป!!?? มีไว้ป้องกันอธิปไตยหรือทำลายผู้ถือครอง??

 

กำลังรบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ จากข้อมูลข่าวสารการข่าวกรอง ยังไม่อาจยืนยันได้แน่นอนว่ามีศักยภาพในการปฏิบัติการนิวเคลียร์จริงหรือไม่ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าสังเกตนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือ อ้างว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบ อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือ มีศักยภาพในระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธหลายแบบ เช่น Taepo Dong II ซึ่งมีระยะยิงไกลถึง 6,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ มีผู้เชื่อว่า หากเกาหลีเหนือถือครองหัวรบนิวเคลียร์ไว้จริง ก็ไม่น่าเกิน 10 นัด และอำนาจการทำลายที่คิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT ของแต่ละนัดน่าจะน้อยกว่า 1 กิโลตัน ใกล้เคียงกับหัวรบนิวเคลียร์ที่เคยใช้โจมตีญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

เกาหลีเหนือ เป็นประเทศถือครองระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธ และอาจถือครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 10 นัด อำนาจการทำลายนัดละประมาณ1 กิโลตัน ขีดความสามารถของระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ สามารถโจมตีเป้าหมายยุทธศาสตร์ครอบคลุม ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนสามารถโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ได้ทุกเป้าหมาย

 

สหรัฐฯ
กำลังรบนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ประกอบด้วย ขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ICBMs , อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ SLBMs และเครื่องบินทิ้งระเบิด Bombers รวมทั้งสิ้น 1,074 ฐานยิง ถือครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 5,170 นัด และรวมอำนาจการทำลายที่คิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT มากกว่า 1,560 Megaton

สหรัฐฯ เป็นชาติมหาอำนาจที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพสูงที่สุดในโลก มีระบบซัดส่ง เช่น ระบบอาวุธปล่อย ขีปนาวุธ อากาศยานทิ้งระเบิดระยะไกล หรือ ระบบทำการยิงจากใต้น้ำ ซึ่งสามารถนำพาหัวรบนิวเคลียร์ไปสู่เป้าหมายได้ทุกแห่งหนบนโลก ด้วยเทคโนโลยีที่สูงกว่า และไม่มีที่ใดในโลกนี้ที่หัวรบนิวเคลียร์สหรัฐฯ ไปไม่ถึง

สหรัฐฯ แสดงเจตจำนงมาโดยตลอด ที่จะถือครองอาวุธนิวเคลียร์ไว้ เพื่อเผชิญหน้ากับความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แห่งชาติในระดับสูงสุด ที่กระทบต่อความอยู่รอดของชาติ (Survival Interest) กับใช้เพื่อการป้องปรามทางยุทธศาสตร์

รัสเซีย
กำลังรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย ประกอบด้วย ขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ICBMs , อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ SLBMs และเครื่องบินทิ้งระเบิด Bombers รวมทั้งสิ้น 1,174 ฐานยิง ถือครองหัวรบนิวเคลียร์ประมาณ 5,972 นัด และรวมอำนาจการทำลายที่คิดเป็นน้ำหนักระเบิด TNT มากกว่า 2,800 Megaton

รัสเซีย เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ที่มีศักยภาพเป็นรองก็แต่เพียงสหรัฐฯ มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุมทั่วโลก ด้วยขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป (ICBMs) อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ (SLBMs) และเครื่องบินทิ้งระเบิด (Bombers) โดยมีจำนวนฐานยิง และจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ มากกว่าสหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น ปฏิบัติการนิวเคลียร์ (Nuclear Operations) ต่อสหรัฐฯ จะใช้เส้นทางผ่านขั้วโลกเหนือเป็นหลัก กับการใช้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ เล็ดลอดเข้าไปจ่อยิง เพื่อให้มีเวลาการป้องกันเหลือน้อยที่สุด เป็นที่คาดกันว่าหัวรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย จะสามารถฝ่าข่ายการป้องกันของสหรัฐฯ ไปสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งจะทำให้พื้นที่ 1/3 ของสหรัฐฯ ถูกทำลายสิ้น ดังนั้น กำลังรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย จึงถือเป็นภัยคุกคามอันดับ 1 ต่อสหรัฐฯ

จีน
กำลังรบนิวเคลียร์ของจีน ประกอบด้วย ขีปนาวุธที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป (ICBMs) อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ (SLBMs) และเครื่องบินทิ้งระเบิด (Bombers) รวมทั้งสิ้น 275 ฐานยิง และคาดว่าถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 225 นัด

จีน เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุมทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย อาจเว้นก็แต่ทวีปอเมริกาใต้ เท่านั้น ด้วยขีปนาวุธ CSS-4 ระยะยิงสูงสุด 13,000 กิโลเมตร และขีปนาวุธ DF-31 ระยะยิงสูงสุด 8,000 กิโลเมตร

ฝรั่งเศส
กำลังรบนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ประกอบด้วย อาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำนิวเคลียร์ SLBMs และเครื่องบินทิ้งระเบิด Bombers รวมทั้งสิ้น 133 ฐานยิง และถือครองหัวรบนิวเคลียร์ทั้งสิ้น 449 นัด

อิสราเอล
อิสราเอล มิได้ประกาศตนว่า เป็นชาติที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ หากแต่บางแหล่งข่าวอ้างว่า อิสราเอล อาจถือครองหัวรบนิวเคลียร์ที่มีอำนาจการทำลายต่ำ (ประมาณ 1 กิโลตัน) อยู่ถึง 200 นัด แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าสังเกตนิวเคลียร์จะยังไม่เคยตรวจพบการทดลอง หรือการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอลแต่อย่างไรก็ตาม แต่ตามข้อเท็จจริง อิสราเอล สามารถเข้าถึง รายละเอียดข้อมูลนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ได้

นอกจากนั้น อิสราเอล ยังถือครองขีปนาวุธ JERICHO I ระยะยิง 660 กิโลเมตร และ JERICHO II ระยะยิง 1,500 กิโลเมตรที่สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ รวมทั้ง จรวด SHAVIT ที่ใช้ในการปล่อยดาวเทียมของอิสราเอล ก็สามารถดัดแปรเพื่อนำส่งหัวรบนิวเคลียร์ข้ามทวีป ระยะยิง 7,800 กิโลเมตรได้เช่นกัน ทำให้อิสราเอล กลายเป็นชาติที่มีความพร้อมอย่างยิ่งในการถือครองอาวุธนิวเคลียร์

อินเดีย 
กำลังรบนิวเคลียร์ของอินเดีย ประกอบด้วยขีปนาวุธ ปริวิ (PRITHVI) SS-250 ระยะยิง 200 กม. และขีปนาวุธ อัคนี (AGNI) ระยะยิง 1,500-2,000 กม.ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ และเครื่องบินขับไล่โจมตี SU-30MK ที่ใช้ในการปฏิบัติการนิวเคลียร์ โดยถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 85 นัด ทั้งนี้เชื่อว่าอินเดียอยู่ระหว่างการพัฒนาเรือดำน้ำที่สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนิวเคลียร์ได้อีกด้วย

อินเดีย เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุม จีน ปากีสถาน อิหร่าน คาซัคสถาน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางส่วน ตลอดจน ยังมีการประเมินว่าอินเดีย มีขีดความสามารถที่จะโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง ด้วยขีปนาวุธ AGNI ที่มีระยะยิงสูงสุด 2,000 กิโลเมตร

ปากีสถาน
กำลังรบนิวเคลียร์ของปากีสถาน ประกอบไปด้วยขีปนาวุธที่นำเข้าจากจีน ประมาณ 30 นัด รวมทั้งขีปนาวุธ HALF-3 ระยะยิง 600 กม.และขีปนาวุธ GHAURI ระยะยิง 600 กม.ที่พัฒนาผลิตขึ้นใช้เอง จำนวนหนึ่ง โดยคาดว่าถือครองหัวรบนิวเคลียร์อยู่ประมาณ 25 นัด

ปากีสถาน เป็นประเทศที่ถือครองอาวุธนิวเคลียร์ ที่มีขีดความสามารถที่จะโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Attack) ได้ครอบคลุม อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย เยเมน โอมาน คูเวต คาซัคสถาน และภาคตะวันตกของจีน ตลอดจน มีการประเมินว่าปากีสถาน มีขีดความสามารถที่จะโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง เช่นเดียวกับอินเดีย ด้วยขีปนาวุธ CHAHEEN II ที่มีระยะยิงสูงสุด 2,000 กิโลเมตร

อิหร่าน
อิหร่าน เป็นประเทศที่ถือครองระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธ แม้ยังไม่มีหัวรบนิวเคลียร์ แต่ความมุ่งมั่นในโครงการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียม (Uranium Enrichment) อาจทำให้อิหร่าน สามารถเตรียมสารยูเรเนียมเข้มข้น เพียงพอที่จะผลิตหัวรบนิวเคลียร์ได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขีดความสามารถของระบบซัดส่งที่เป็นขีปนาวุธที่อิหร่านถือครอง เช่น Taepo Dong II ระยะยิง 6,000 กิโลเมตร สามารถโจมตีเป้าหมายยุทธศาสตร์ครอบคลุม ทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา รวมทั้ง ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ทุกเป้าหมายในพื้นที่เหล่านั้น