ยิ่งนานวันยิ่งชัดเจน!! “รัสเซีย” ไม่ต้องตอบตรง ๆ แต่ทำให้เห็นชัด ๆ ว่าเลือกยืนคนละข้างกับ “สหรัฐฯ”

หลังจากเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงกรุงมอสโก พร้อมกับมีการยื่นคำขาดต่อรัสเซีย นั่นคือ เลือกอยู่ข้างให้ชัดว่าจะเอาอย่างไร เร็กซ์ ทิลเลอร์สันออกเดินทางจากอิตาลีไปมอสโก โดยมีกำหนดพบหารือกับพวกเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัสเซียในเรื่องสงครามกลางเมืองซีเรีย ทั้งนี้นับเป็นการเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการครั้งแรกของสมาชิกจากคณะรัฐมนตรีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
 

 

ในขณะที่สื่อบางแห่งรายงานก่อนหน้านี้ว่ารัสเซียได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด Su-24M2 ที่ทันสมัยถึง 10 ลำไปยังซีเรีย

 

 

Su-24 เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดแนวหน้าทางยุทธวิธีที่มีการออกแบบมาเพื่อการโจมตีโดยใช้ขีปนาวุธและระเบิดในทุกสภาพอากาศในเวลากลางวันและตอนกลางคืนรวมทั้งในระดับความสูงต่ำและทำลายเป้าหมายพื้นและพื้นผิวด้วยอาวุธที่มีความแม่นยำสูง ตามข้อมูลทั่วไปแล้ว กองทัพอากาศรัสเซียได้ดำเนินการพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดประเภทนี้เอาไว้หลายรุ่น

 

 

แต่คำตอบอยู่ตรงนี้ เมื่อทางด้านรัสเซีย อิหร่าน และ ซีเรีย ได้ลงนามร่วมกันต่อสู้การก่อการร้ายในประเทศซีเรีย โดยการเปิดเผยของ วาลิด มูลเลมรัฐมนตรีต่างประเทศซีเรีย กล่าวหลังเจรจากับรัสเซียและอิหร่านในวันศุกร์ว่า "รู้สึกขอบคุณเพื่อนของเราอย่างในอิหร่านและในรัสเซียที่ให้การสนับสนุน เรายืนยันว่าเราจะดำเนินการทำความสะอาดดินแดนซีเรียจากการก่อการร้าย เราได้พูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซียถึงการสร้างประสิทธิภาพของสงครามต่อต้านการก่อการร้ายและโอกาสในการสนับสนุนซึ่งรัสเซียกำลังจัดหาการสนับสนุนมายังซีเรียในหลาย ๆ ด้านและยังคุยกับ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ในรูปแบบเดียวกันด้วย" เขากล่าว
 

 

 

 

ทางด้านจาวาส ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านได้กล่าวว่ามาตรการด้านเดียวของสหรัฐฯในเวทีระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เรายังคงต้องทนทุกข์ทรมานจากผลลัพธ์ของการตัดสินด้านเดียวซึ่งถูกยึดครองมาหลายทศวรรษที่ผ่านมาจากสหรัฐฯ วันนี้เราได้ยืนยันอีกครั้งว่ามาตรการด้านข้างเดียวเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และการตรวจสอบระหว่างประเทศต้องดำเนินการเพื่อสร้างข้อเท็จจริง เชื่อว่านี่เป็นข้อความที่ชัดเจนสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการสืบสวนการโจมตีทางเคมีที่ถูกกล่าวหา น่าเสียดายที่สหรัฐฯเข้ารุกรานซีเรียก่อนที่จะสืบสวนเหตุการณ์ แสดงให้เห็นเหนือสิ่งอื่นใดว่าสหรัฐฯไม่ต้องการให้มีการสืบสวนการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย "

 

 

ขณะที่นายเซเกร์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่าการโจมตีขีปนาวุธของสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้วต่อฐานทัพอากาศซีเรีย มีวัตถุประสงค์เพื่อบ่อนทำลายกระบวนการสันติภาพในประเทศและเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของซีเรีย แต่ความพยายามล้มเหลว เขาเน้นย้ำว่าสหรัฐฯต้องเคารพอธิปไตยของซีเรีย นี่เป็นการกระทำการรุกรานและการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติที่สำคัญ เราขอเรียกร้องให้สหรัฐฯและพันธมิตรของพวกเขาให้ความเคารพต่ออธิปไตยของซีเรีย การกระทำที่ก้าวร้าวดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่การบ่อนทำลายกระบวนการสันติภาพอย่างเห็นได้ชัดซึ่งได้รับการรับรองเป็นเอกฉันท์โดยมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและระบุว่าเฉพาะชาวซีเรียจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของประเทศของตน การกระทำดังกล่าวมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเบี่ยงเบนไปจากแนวคิดพื้นฐานนี้และหาข้อแก้ตัวเพิ่มเติมสำหรับการเปลี่ยนระบอบการปกครอง"

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่ารัสเซียจะยืนกรานที่จะปฏิบัติตามมติ 2254 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ กับทุกคนรวมทั้งความเคารพที่ครอบคลุมทุกประการเกี่ยวกับอธิปไตยและความสมบูรณ์ของดินแดนซีเรีย มันเป็นที่ชัดเจนสำหรับทุกคนว่าการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศเป็นที่ยอมรับไม่ได้

 

รัสเซียสงสัยว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญของ OPCW ไม่เคยไปที่พื้นที่ควบคุมความขัดแย้งในซีเรียเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขากล่าวเสริม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่าความพยายามที่จะสกัดกั้นข้อเสนอของรัสเซียและอิหร่านในการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อการตรวจสอบอย่างเป็นกลางและเป็นรูปธรรมได้กล่าวว่าเฉพาะผู้ที่พยายามทำเช่นนั้นก็มีจิตสำนึกไม่สะอาด

 

ถึงตอนนี้สหรัฐฯ คงไม่ต้องหาคำตอบแล้วกระมังว่า รัสเซียจะเลือกเดินอย่างไร กับสถานการณ์ในซีเรีย เพราะแม้ว่ารัสเซียจะไม่ตอบตรง ๆ แต่สิ่งที่รัสเซียแสดงออกก็เห็นได้ชัดว่าเลือกยืนคนละข้างกับสหรัฐฯ อย่างแน่นอน