แกะรอย ‘รัสเซีย’ เดินหน้าสร้างสมดุลโลก เสริมอาวุธต่อเนื่อง หลัง ‘ปูติน’ คาดอาจเกิดสงครามใหญ่ในอีกไม่นาน

จากที่ทางด้านกองทัพรัสเซีย และกองทัพของเบลารุส ได้ทำการซ้อมรบซาปัด 2017 ขึ้นระหว่างวันที่ 14-20 กันยายน 2560

แกะรอย ‘รัสเซีย’ เดินหน้าสร้างสมดุลโลก เสริมอาวุธต่อเนื่อง หลัง ‘ปูติน’ คาดอาจเกิดสงครามใหญ่ในอีกไม่นาน

จากที่ทางด้านกองทัพรัสเซีย และกองทัพของเบลารุส ได้ทำการซ้อมรบซาปัด 2017 ขึ้นระหว่างวันที่ 14-20 กันยายน 2560 บริเวณชายแดนของเบลารุส ไม่ห่างจากพรมแดนของเอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และโปแลนด์ มากเท่าใดนัก หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวไปไม่นานปรากฏว่าทางด้านกองทัพรัสเซีย มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการเปิดตัว และการทดสอบขีปนาวุธ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับทางด้านกองทัพ
 

 


โดยเมื่อ วันที่ 13 กันยายน 2560 ของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้ประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ RS-24 Yars ติดหัวรบธรรมดา จากฐานยิงเพิลซีค คอสโมโดรม ทางเหนือของประเทศรัสเซีย โดยขีปนาวุธรุ่นดังกล่าวนั้นได้พุ่งตรงเข้าทำลายเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 6,000 กิโลเมตรได้อย่างแม่นยำ

กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่าจุดประสงค์หลักของการยิงทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป RS-24 Yars คือเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของจรวดชั้นเดียวกัน หัวรบประสบความสำเร็จพุ่งสู่เป้าหมาย พิสัยทดสอบในคาบสมุทรคัมชัตกา ทุกเป้าหมายของการทดสอบประสบผลสำเร็จ

 

 


ขีปนาวุธข้ามทวีป RS-24 Yars นั้น สามารถติดตั้งหัวรบได้ 3 ถึง 6 หัวรบ มีศักยภาพโจมตีเป้าหมายต่างๆด้วยพิสัยทำการสูงสุด 12,000 กิโลเมตร โดยมันถูกยิงทดสอบครั้งแรกเมื่อทศวรรษก่อน และกองกำลังขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์รัสเซียนำเข้าประจำการในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับปรุงมาจากขีปนาวุธ Topol-M ความสามารถพิเศษอีกอย่างนั่นคือ สามารถที่จะยิงได้ทั้งจากภาคพื้น และจากยานยนต์เคลื่อนที่

ขณะที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 ที่ผ่านมาทางด้านกองทัพรัสเซีย ก็ยังได้
ดำเนินการทดสอบการเปิดตัวขีปนาวุธนำวิถี RS-12M Topol ซึ่งทางด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย กล่าวในแถลงการณ์ระบุว่าข้อมูลการทดสอบจะถูกนำมาใช้ในการช่วยพัฒนาระบบขีปนาวุธในอนาคต โดยการทดสอบครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นในภาคใต้ของรัสเซีย กระทรวงกลาโหม ยังได้กล่าวเพิ่มว่าการทดสอบขีปนาวุธติดหัวรบ ครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง โดยมีเป้าหมายที่คาซัคสถาน และมันสามารถที่จะมุ่งสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

 

การทดสอบครั้งนี้ เป็นการทดสอบขีปนาวุธ และอุปกรณ์ติดหัวรบขั้นสูงของรัสเซีย และจะมีการเก็บข้อมูลจากการทดสอบทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาขีปนาวุธนำวิถีของรัสเซีย และพัฒนาวิธีการป้องกันขีปนาวุธของศัตรู ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย

 

 

นอกจากนั้นแล้วยังได้มีการเปิดตัวรถบินได้ ซึ่งเป็นอากาศยานขนาดเล็กแบบเบา โดยใช้ใบพัด 8 ตัว คนขับอยู่ตรงกลาง มีโครงโลหะเป็นแค่ตัวโครงสร้างเท่านั้น ซึ่งทางสำนักข่าวอาร์ที ได้รายงานว่า อากาศยานนี้ เป็นรถ ที่ถูกบังคับด้วยจอยสติ๊กเพียงแค่อันเดียว และมันง่ายต่อการควบคุม ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ทั้งในงานพลเรือนและงานทางด้านการทหาร
ซึ่งรถบินได้นี้สามารถที่จะบินขึ้นเหนือรถบรรทุก ที่บรรทุกระบบต่อต้านขีปนาวุธ และระบบยิงขีปนาวุธ ซึ่งหากมันถูกนำมาประยุกต์ใช้ในด้านการทหาร และติดตั้งระบบเครื่องยิงกระสุนเข้าไปด้วยแล้วก็น่าจะสร้างความอันตรายต่อข้าศึกได้พอสมควร


 

ซึ่งถ้าย้อนกลับไปมองก็จะเห็นว่าขณะนี้รัสเซีย นั้นได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้านเพื่อรับมือกับภัยคุกคามขนาดใหญ่ อย่างที่ผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เคยพูดเอาไว้ว่าสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีใกล้จะลุกลามเป็นสงครามขนาดใหญ่ ปัญหานี้จะแก้ไขได้เพียงการเจรจากันโดยตรง ระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น และว่า เป็นความคิดที่ผิด หากจะพยายามกดดันเกาหลีเหนือ ให้ยุติโครงการพัฒนาขีปนาวุธ และ นิวเคลียร์ ขณะที่ทางด้าน นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้แสดงความวิตกกังวลว่าสถานการณ์อาจลุกลามจนไม่อาจควบคุมได้ และได้ออกมาเรียกร้องต่อสหรัฐฯ ให้เจรจาข้อตกลงกับเกาหลีเหนือ เพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ซึ่งทางด้าน รมว. ต่างประเทศรัสเซีย ยังได้ย้ำว่า คนที่ฉลาดกว่าและแข็งแรงกว่าต้องเริ่มก่อน ในการที่ต้องดำเนินการทางการทูต

 

แกะรอย ‘รัสเซีย’ เดินหน้าสร้างสมดุลโลก เสริมอาวุธต่อเนื่อง หลัง ‘ปูติน’ คาดอาจเกิดสงครามใหญ่ในอีกไม่นาน

 

และล่าสุดเหมือนจะเป็นการตอบรับที่ดี เมื่อนายจิม แมททิส รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้แถลงที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2560 ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ ยังคงสามารถที่จะยับยั้งภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดของเกาหลีเหนือ แต่ขณะเดียวกันก็ยังสนับสนุนที่จะใช้วิธีการทางการทูตแก้ปัญหาด้วยการทูตและตนเชื่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีความเห็นชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องนี้ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวอีกว่า สหรัฐฯยังคงใช้ความพยายามทางการทูตในองค์การสหประชาชาติ ซึ่งที่ผ่านมา มีมติผ่านออกมาเป็นเอกฉันท์ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อกดดันเกาหลีเหนือ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการทูต เพื่อยับยั้งโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ

 

แกะรอย ‘รัสเซีย’ เดินหน้าสร้างสมดุลโลก เสริมอาวุธต่อเนื่อง หลัง ‘ปูติน’ คาดอาจเกิดสงครามใหญ่ในอีกไม่นาน