สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเกาหลีเหนือ รัฐสนับสนุนก่อการร้าย ขณะยูเอ็นเผย ผู้หญิงเกาหลีเหนือ โดนย่ำยีทางเพศ อย่างหนัก

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ทางด้าน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศให้เกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในบรรดารัฐที่สนับสนุนลัทธิก่อการร้าย ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังได้ย้ำว่า สหรัฐฯเองยังมีความหวังที่จะเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะการเผชิญหน้าทางด้านนิวเคลียร์ กับทางด้านผู้นำสูงสุด อย่างคิม จอง อึน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่ากระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะใช้มาตรการคว่ำบาตรบีบให้เกาหลีเหนือ มากยิ่งขึ้น หลังจากที่ได้ใส่ ให้ประเทศแห่งนี้เป็นประเทศที่สนับสนุนการก่อการ้าย เช่นเดียวกับประเทศอิหร่าน และ ประเทศรัสเซีย

 

โดยทางด้านผู้นำสหรัฐฯ ได้ให้เหตุผลว่าเกาหลีเหนือสมควรที่จะถูกขึ้นบัญชีเป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนก่อการร้ายมานานแล้ว และใช้ข้ออ้างการเสียชีวิตของทางด้าน ออตโต วอร์มเบียร์ นักศึกษาชาวอเมริกันที่ถูกคุมขังในเกาหลีเหนือ รวมถึงกรณีที่ คิม จอง นัม พี่ชายของนายคิม จอง อึน ถูกคนร้ายใช้สารพิษทำลายประสาทลอบสังหารที่ประเทศมาเลเซีย

 

แต่เรื่องดังกล่าวนั้นทางด้าน เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ยืนยันหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า สหรัฐฯ ยังไม่ถอดใจในการใช้วิธีคว่ำบาตรควบคู่ไปกับการทูตเพื่อให้ผู้นำเกาหลีเหนือยอมเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งที่ผ่านมานั้นการลงโทษเกาหลีเหนือ จากนานาชาติก็ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศพอสมควร แม้ว่าจีนยังไม่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

 

เพราะจีนยังคงส่งออกน้ำมันไปยังโรงกลั่นในเกาหลีเหนืออยู่ตามปกติ ซึ่งในขณะนี้เกาหลีเหนือเอง ก็ขาดแคลนเรื่องเชื้อเพลิง จึงจะเห็นได้ว่าอาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ในช่วงเวลานี้เกาหลีเหนือจึงได้ระงับการทดสอบนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ


นอกจากนั้นแล้วทางด้านสหรัฐฯ เองยอมรับว่าการลงโทษเกาหลีเหนือนั้น อาจจะไม่ส่งผลกระทบกับเกาหลีเหนือในทันที แต่ในระยะยาวแล้วจะส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ ทางสหรัฐฯ จะได้ประกาศมาตรการในการลงโทษเกาหลีเหนือออกมาอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนั้นแล้วทำเนียบข่าว ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้เกาหลีเหนือทดสอบหรือประจำการขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป (ICBM) ที่อาจยิงหัวรบนิวเคลียร์มาโจมตีเมืองในสหรัฐฯ ได้เป็นอันขาด แต่ล่าสุดมีข้อสันนิษฐานจากผู้เชี่ยวชาญว่า เกาหลีเหนือน่าจะบรรลุถึงศักยภาพดังกล่าวได้ในอีกไม่นาน สหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนซึ่งเป็นพันธมิตรและประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของเกาหลีเหนือใช้มาตรการทางเศรษฐกิจกดดันให้เกาหลีเหนือยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์

 

 

ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมบทลงโทษอะไรไว้ให้กับเกาหลีเหนือบ้าง แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดเดาว่าอาจจะเป็นมาตรการคว่ำบาตรต่อธนาคารจีน และนักธุรกิจที่เกาหลีเหนือที่ทำการค้าขายในจีน อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีการเปิดเผยว่า สหรัฐฯ ยังต้องการปิดกั้นการส่งน้ำมันไปยังเกาหลีเหนืออย่างเต็มรูปแบบ ทว่าจีนไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าจะทำให้เกาหลีเหนือถึงคราวล่มสลาย และ ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายบริเวณแนวชายแดน

 

 

 

 

นอกจากนั้นแล้วสื่อต่างประเทศยังได้มีการรายงานข่าว ว่าขณะนี้ทางด้าน จีนได้ส่งผู้แทนรัฐบาล จำนวนหนึ่งเดินทางเยือนเกาหลีเหนือเป็นเวลา 4 วัน การเยือนครั้งนี้ มีทางด้าน ซอง เตา เป็นหัวหน้าแผนกระหว่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้มีโอกาสพบกับรองประธานพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ โช รยอง แฮและอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ รี ซู ยอง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดจากทางการจีนที่ได้ไปเยือนเกาหลีเหนือในช่วง 2 ปี แต่ไม่มีฝ่ายใดออกมาให้ความเห็นถึงบรรยากาศการเยือนรอบนี้ แต่นักวิเคราะห์มองว่าการเยือนครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่จีนไม่ปกติ เนื่องจากเกิดขึ้นหลังจากที่ มีการเยือนเอเชีย ของทางด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงก่อนหน้า

ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าในระหว่างการทัวร์เอเชีย 12 วัน 5 ประเทศของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กดดันเกาหลีเหนือย่างถึงที่สุด เพื่อให้ทางเกาหลีเหนือล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเอง
 

ขณะที่ทางด้านหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น ได้ออกมาระบุว่าผู้หญิงเกาหลีเหนือถูกกีดกันเรื่องการศึกษาและโอกาสในการทำงาน แถมบ่อยครั้งยังตกเป็นเป้าของความรุนแรงที่บ้าน และถูกล่วงละเมิดทางเพศในที่ทำงาน

ทางคณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี ของสหประชาชาติ ได้แสดงความกังวลถึงเรื่องการข่มขืนและปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมต่อผู้หญิงที่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว โดยเฉพาะหญิงที่ถูกส่งตัวกลับหลังจากหลบหนีออกนอกประเทศ มีการระบุว่าผู้หญิงเกาหลีเหนือนั้นด้อยโอกาสหรือเสียเปรียบในเรื่องการศึกษาระดับอุดมศึกษา , ตำแหน่งงานในหน่วยงานยุติธรรม , กองกำลังความมั่นคงและตำรวจ รวมไปถึงตำแหน่งงานระดับหัวหน้าและบริหาร เกิดความรุนแรงภายในบ้าน และมีการรับรู้เรื่องนี้อยู่ในวงจำกัด ทั้งประเด็นการขาดความช่วยเหลือด้านกฎหมาย การสนับสนุนด้านจิตใจและสังคม รวมถึงที่พักพิงให้แก่ผู้ตกเป็นเหยื่อ
 

ทางคณะกรรมการฯ ระบุว่า การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงเกาหลีเหนือ โดยที่ผู้หญิงเกาหลีเหนือขาดสารอาหารในระดับสูง มีหญิง 28 เปอร์เซ็นต์ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรได้รับผลกระทบ

 

 

บทลงโทษสำหรับการข่มขืนในเกาหลีเหนือนั้นยังอ่อนเกินไป และบ่อยครั้งผู้ก่อเหตุมักจะไม่ถูกลงโทษอีกด้วย ขณะที่ผู้หญิงที่ลักลอบออกนอกประเทศ แล้วถูกส่งกลับมาเกาหลีเหนือ มักจะถูกส่งเข้าค่ายแรงงานหรือไม่ก็เรือนจำ ด้วยข้อกล่าวหาลักลอบผ่านแดนผิดกฎหมาย และอาจถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหนักขึ้น อาทิ ล่วงละเมิดทางเพศโดยเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและบังคับให้ทำแท้ง