- 19 ธ.ค. 2560
นางนิกกี้ เฮลี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้ทำการวีโต้ร่างมติของสหประชาชาติ
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวกรณี การประชุมสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ วันที่ 18 ธันวาคม 2560 โดย นางนิกกี้ เฮลี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้ทำการวีโต้ร่างมติของสหประชาชาติ หลังจากที่ 14 ประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ไม่ให้การรับรองนครเยรูซาเลม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ตามที่ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงว่าทางด้านสหรัฐฯ จะย้ายสถานทูตอเมริกาจากเทล อาวีฟ ไปยังเยรูซาเลม เพิกเฉยต่อคำกล่าวอ้างของชาวปาเลสไตน์ ที่ต้องการให้ฝั่งตะวันออกของเมืองแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต
14 ประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยเฉพาในกลุ่มที่เป็นพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ อย่างอังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ญี่ปุ่นและยูเครน ก็ให้การสนับสนุนมติดังกล่าวเช่นกัน โดยทั้งหมดย้ำว่าการรับรองนครเยรูซาเลม ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีผลทางกฎหมาย ไม่มีค่า เป็นโมฆะและต้องล้มเลิกทั้งหมด
อียิปต์เอง ผู้ที่ยื่นประเด็นดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าปัญหาระหว่างปาเลสไตน์ และ อิสราเอลนั้น จะสามารถจัดการได้ ด้วยการที่ทั้งสองต้องเข้าสู่การเจรจา
สหรัฐฯ, อังกฤษ, จีน, ฝรั่งเศส และรัสเซีย เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งมีสิทธิ์วีโต้มติใดๆที่นำเสนอต่อคณะมนตรีฯ ซึ่งสมาชิกมีสิทธิออกเสียง 1 เสียง ถ้าเป็นข้อตัดสินใจในเรื่องระเบียบงานธรรมดา การลงคะแนนเสียงรับต้องได้อย่างน้อย 9 เสียง ถ้าเป็นในเรื่องสาระสำคัญ คะแนนเสียงรับ 9 เสียง จะต้องมีของสมาชิกถาวรทั้ง 5 รวมอยู่ด้วย ในกรณีสมาชิกถาวรประเทศใดประเทศหนึ่งออกเสียงคัดค้านถือว่าเป็นการใช้สิทธิยับยั้งอันจะมีผลทำให้เรื่องนั้นๆ ตกไป
ขณะที่ทางด้านนางนิกกี เฮลีย์ ไม่พอใจกับการลงมติครั้งนี้ของทางด้านสหประชาชาติ และได้ออกมาประณามว่านี่เป็นการดูหมิ่นสหรัฐฯ เธอยังบอกอีกว่าสหรัฐฯจะไม่ยอมให้ประเทศไหนๆมาชี้นิ้วสั่งว่าสถานทูตของเราควรตั้งอยู่ที่ใด
ขณะที่ทางด้านโฆษกของประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ก็บอกว่าการที่ทางด้านสหรัฐฯ ได้ใช้สิทธิ์วีโต้มติของสหประชาชาตินั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับไม่ได้ เพราะสหรัฐฯ ไร้ซึ่งการเคารพต่อประชาคมนานาชาติโดยสิ้นเชิง