- 02 ม.ค. 2561
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.tnews.co.th
เรื่องราวที่เต็มเป็นด้วยความตัณหาราคีของหญิงรายหนึ่ง ที่ได้สร้างประวัติอันลือลั่นไปทั่วโลก หลังจากที่ได้ซ่อนชู้ไว้ในบ้าน โดยที่ไม่เคยมีใครู้มาก่อน ซึ่งเรื่องราวเริ่มต้นเมื่อปี 1880 Dolly สาวผู้อพยพมาจากประเทศเยอรมนีเข้ามาอยู่และเติบโตขึ้นในฟาร์มมิวเวสต์ของสหรัฐอเมริกา เธอมีฐานะยากจนมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอได้แต่งงานกับเศรษฐีเจ้าของโรงงานผลิตเสื้อผ้าสตรีที่ชื่อว่า Fred Oesterreich
.
ชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่ดูเหมือนจะมีความสุขในสายตาคนภายนอก แต่ใครจะรู้เล่า ว่าอันที่จริงแล้วพวกเขาต้องประคับประคองความรักในครั้งนี้มากขนาดไหน เมื่อ Dolly ไม่พอใจกับชีวิตคู่ของเธอเลย เพราะสามีของเธอชอบดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิใจ วันๆก็เอาแต่ดื่มเหล้า ทำให้เธอและสามีทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง แต่สาเหตุที่สำคัญที่ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันเพราะ Dolly เป็นผู้หญิงที่มีความต้องการทางเพศสูง เธอพยายามที่จะมีเพศสัมพันธ์กับสามีอยู่บ่ายๆ เรียกได้ว่าทุกเวลาวันละหลายครั้ง ทำให้สามีของเธอรับไม่ไหว จนเธอแอบไปหาความสุขนอกบ้านเพื่อเติมความต้องการทางราคะให้กับตัวเธอ
.
.
เพียงไม่นาน Dolly ในวัย 30 ก็หาคู่นอนชั่วคราวของเธอได้ ซึ่งเขาเป็นหนุ่มวัย 17 ปี ทำอาชีพเป็นช่างซ่อมเครื่องจักรตัดเย็บเสื้อ Otto Sanhuber วันหนึ่งเมื่อเธอโทรไปที่โรงงานบอกว่า เครื่องจักรเย็บผ้าที่บ้านเสียให้ช่างมาช่วยซ่อมหน่อย เธอเจาะจงชื่อว่าให้ช่าง Otto เป็นคนมาซ่อม เมื่อช่างเข้ามาในบ้าน เธอก็ใส่เสื้อผ้าบางๆ ออกมาต้อนรับทำเอา Otto ถึงกับหัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ ซ่อมไปซ่อมมากลายเป็นไปกลิ้นนอนบนเตียง
.
ความรักของทั้งคู่เริ่มต้นด้วยความร้อนแรงเช่นนี้ ซึ่งต่อมาพวกเขาได้นัดกันตามโรงแรม บางครั้งก็นัดกันที่หอพักของฝ่ายชาย รวมทั้งแอบไปมีอะไรกันในช่วงที่ให้ฝ่ายชายมาทำงานที่บ้าน จนเพื่อนบ้านเห็นเข้าก็เริ่มเอะใจจนเอาไปพูดนินทา เมื่อ Dolly ทราบจึงบอกเพื่อนบ้านว่า Otto คือญาติห่างๆ ของเธอ แต่เพื่อนบ้านไม่เชื่อและนำเรื่องดังกล่าวไปฟ้องสามีของเธอ หลังจากนั้นสามีของเธอก็กลับมาถาม Dolly ว่าจริงหรือไม่ แต่เธอกลับตอบว่า Otto เป็นคนเข้ามาคุกคามเธอ และสัญญาว่าจะไม่ให้เขาเข้ามาอีก นั่นทำให้สามีของเธอเชื่อใจ
.
.
เมื่อคำสัญญาไม่เป็นสัญญา เพราะ Dolly ทำหนักมากกว่าเก่า คือการนำเอาชู้มาอยู่ห้องใต้หลังคาบ้านสามีตัวเองเสียเลย เพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านจับได้ว่าเธอแอบมีคนอื่น ซึ่งในห้องใต้หลังคามีเพียงเตียง โคมไฟ และกาน้ำ 1 ใบ Otto ได้ลาออกจากงานที่โรงงาน ตอนที่เขาเข้าไปอยู่ห้องใต้หลังคาเขาได้นำหนังสือมาอ่านเพื่อฆ่าเวลา และเมื่อเจ้าของบ้านไม่อยู่ เขาก็มักจะลงมาทำงานบ้านให้
.
ความฝันของ Otto คือการเป็นนักเขียน เขามีเวลาเหลือเฟือที่จะทำตามความฝันของตัวเอง ขณะที่ Dolly ก็จะยืมหนังสือจากหอสมุดมาให้ Otto เอาไว้อ่านและเป็นแนวทางในการเขียนเรื่องของเขา การสนับสนุนครั้งนี้ทำให้ Otto ประสบความสำเร็จ บทประพันธ์ของเขาถูกตีพิมพ์หลามเล่ม อีกทั้งยังมีเรื่องสั้นในนิตยการ วรรณกรรมอีกด้วย
.
.
ความสัมพันธ์ลับๆของเขาทั้งคู่กินเวลาเป็น 10 ปี โดยที่ไม่มีใครสามารถล่วงรู้และสามีของเธอก็จับไม่ได้ กระทั่งวันหนึ่งเธอและสามีตัดสินย้ายไปยังรัฐแอลเอ เธอก็ได้ตรวจสอบแล้วว่าในบ้านใหม่ที่จะเข้าไปอยู่นั้นมีห้องใต้หลังคาหรือไม่ เมื่อแน่ใจว่ามีก็จัดการให้ชู้ของเธอย้ายเข้าไปอยู่ก่อน 1 วัน ก่อนที่เธอและเขาจะย้ายเข้าไป และเธอได้ล็อกประตูทางขึ้นห้องใต้หลังคาไม่ให้ใครเข้าไปป้วนเปี้ยน นอกจากนั้นเธอก็เก็บกุญแจไว้กับตัวตลอดเวลา ทำให้สามีของเธอเริ่มสงสัย แต่เธอก็โกหกว่าที่ทำไปเพื่อปกป้องขนสัตว์ของเธอ
.
และถึงแม้ว่า Otto จะพยายามทำตัวไม่ให้เกิดเสียงดังเล็ดลอดออกมา แต่ดูเหมือนว่าความพยายามนั้นกลับไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ โชคดีที่สามีของ Dolly ยังไม่ได้เอะใจว่าจะมีใครคนอื่นนอกจากครอบครัวของเธออาศัยร่วมอยู่ในบ้านเดียวกัน สิ่งที่ทำให้ครอบครัวเจอเรื่องเลวร้ายยิ่งขึ้นในสายตาของ Dolly คือการที่สามีของเธอดื่มสุรามากขึ้น ทำให้ทั้งสองทะเลาะกับบ่อย แต่ในขณะเดียวกันกลับทำให้ความสัมพันธ์ของ Dolly กับ Otto ดีขึ้นเพราะทั้งสองได้มีเวลาเสพสมกันบ่อยขึ้น
.
.
กระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ Dolly ทะเลาะกับสามีที่เมาจากการดื่มเหล้า จู่ ๆ Doll ก็ร้องดังลั่น ทำให้ Otto ตกใจรีบคว้าปืนสั้น 25 ซม.ลงไปข้างล่างเพราะนึกว่า Dolly ถูกทำร้าย แต่จริงๆแล้ว เธอลื่นล้มเอง สามีของเธอตกใจมากที่อยู่ๆก็มีคนโผล่มาจากข้างบนบ้าน ทั้งสองต่อยตีกัน จนสุดท้าย Otto พลั้งมือฆ่าสามีของเธอ
.
ทั้งสองจัดฉากในบ้านเหมือนมีการโจรกรรมเกิดขึ้น Otto ขโมนาฬิกาเพชรของสามีเธอ และแกล้งยิ่งขึ้นห้องด้านบน เพื่อนบ้านจึงแจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุก็รู้สึกสงสัยหลายอย่าง แต่เพราะไม่มีหลักฐานหรือเบาะแสอย่างอื่นที่จะสื่อว่า ทำให้ Dolly ต้องฆ่าสามีตนเองและขังตนเองไว้ในห้องครัว ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามทั้งสองจัดฉากไว้ ตำรวจสงสัยมากกว่านั้นคือ เขาขังตนเอง ๆ ไว้ในห้องครัวได้อย่างไร?
.
.
เมื่อสามีของเธอตาย Dolly ก็เป็นคนรับดูแลมรดกกิจการต่อจากสามีทั้งหมด Dolly ขายบ้านนี้ทิ้ง ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่มีห้องใต้หลังคาที่ใหญ่กว่าเดิม ต่อมาทนายความผู้ดูแลมรดกของสามี Herman S. Shapiro ทั้งสองเกิดมีความสัมพันธ์กัน จากนั้นเธอก็สร้างความสัมพันธ์กับ นักธุรกิจหนุ่ม Roy H. Klumb อีก เธอขอร้องให้นักธุรกิจหนุ่ม Roy ช่วยจัดการปืนกระบอกหนึ่ง โดยเธอบอกว่าไม่อยากให้คนอื่นระแวงว่าตนเป็นคนฆ่าสามีเพราะปืนกระบอกนี้เป็นรุ่นเดียวกันกับที่คนร้ายใช้ยิงสามีตาย
.
Dolly มอบนาฬิกาเพชรให้กับทนายความ Herman ตอนนั้นเองทนายความHerman มองแวบแรกก็รู้เลยว่านั้นเป็นนาฬิกาของสามีเธอ โดย Dolly กล่าวว่า "เธอค้นเจอที่ใต้โซฟาของบ้าน ตอนนั้นคิดว่าไม่ต้องบอกตำรวจก็ได้จึงได้เก็บมันไว้" ตำรวจสังเกตเห็นนาฬิกาเรือนนั้นที่ทนายความHermanใส่ด้วย เมื่อนักธุรกิจหนุ่ม Roy เลิกกับเธอ เขาก็ไปเอาเรื่องปืนไปบอกกับตำรวจ ทำให้Dolly โดนจับกุมในที่สุด
.
.
ศาลและตำรวจพยายามสักถาม Dolly ว่า ในวันเกิดเหตุ Dolly ขังตนเองไว้ในห้องครัวได้อย่างไร? ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาสงสัยมานานมาก สุดท้าย Dolly ป่วยด้วยโรคร้ายแรงไม่มีทางรักษา ทำให้ตำรวจตัดสินปิดคดีนี้ไป และสรุปว่า Dolly ไม่มีความผิดปล่อยให้เป็นอิสระ
.
ในระหว่างที่ Dolly ถูกคุมขังนั้น เธอเล่าเรื่อง Otto ให้ ทนายความ Herman ฟังและขอให้นำอาหารไปให้เขากิน โดยบอกว่ามีน้องชายถูกขังไว้บนห้องใต้หลังคา สุดท้ายความจริงถูกเปิดเผยเมื่อ Otto หลุดปากพูดเรื่องราวของรักของทั้งสองให้ ทนายความ Herman ฟัง ทำให้เขาโกรธมากและไล่ Otto ออกจากบ้านหลังนั้นไป และกลัวว่าเรื่องแดงขึ้นมา จึงได้หลบหนีไปยังประเทศแคนาดา และเปลี่ยนขื่อเป็น Walter Klein แต่งงานตั้งรกรากอยู่ที่นั้นถาวร
.
.
หลังจากที่ Dolly ถูกปล่อยตัวออกมา เธอกับทนายความ Herman ก็ย้ายบ้านใหม่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแต่แล้ว เรื่องเดิม ๆ ก็เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองแยกทางกันหลังจากที่แต่งงานอยู่กินด้วยกันนาน 7 ปี ทนายความ Herman จึงได้นำเรื่องของ Otto ไปแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งพอดีกับว่าOttoกลับประเทศสหรัฐพอดี สุดท้ายทั้งสองโดนจับ เมื่อความแตกแต่เนื่องจากว่าคดีหมดอายุความไปแล้ว ทำให้ Otto พ้นผิด ส่วน Dolly ก็พบกับรักแท้อีกครั้ง ทั้งสองใช้ชีวิตด้วยกันจนถึงปี 1961 แล้ว Dolly ก็จากไป
