ดูเตอร์เต ลั่นต่อหน้าทหาร “เอาปืนมายิงผมได้เลย ถ้าผมกลายเป็นเผด็จการ”

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.gninternews.com

ดูเตอร์เต ลั่นต่อหน้าทหาร “เอาปืนมายิงผมได้เลย ถ้าผมกลายเป็นเผด็จการ”

 

ดูเตอร์เต ลั่นต่อหน้าทหาร “เอาปืนมายิงผมได้เลย ถ้าผมกลายเป็นเผด็จการ”

จากกรณีที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์ประกาศมอบหมายให้กองทัพรับบทบาทนำในการทำสงครามปราบยาเสพติด แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติและเผยตัวเลข ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2559 โดยฟิลิปปินส์มีตัวเลขผู้เสียชีวิต ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายทำสงครามยาเสพติดของดูเตอร์เตแล้วถึง 3,295 ราย โดยเป็นคนร้ายที่ถูกตำรวจวิสามัญ จำนวน 1,167 คน และอีก 2,128 คนเสียชีวิตจากพฤติกรรมที่เรียกว่าศาลเตี้ย ในขณะที่คดีที่มีผู้เสียชีวิตแบบปริศนา และคาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมีทั้งหมด 1,960 คดี และยังมีคดีที่อยู่ในชั้นสอบสวนอีกประมาณ 1,651 คดี โดยมีคดีที่เข้าสู่กระบวนการตัดสินของศาลแล้ว 309 คดี ในจำนวนนี้ โดยแบ่งเป็นคดีที่สิ้นสุดแล้ว 196 คดี และอีก 113 คดีและยังมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ โดยได้รับการกล่าวโทษอย่างกว้างขวางจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนในเรื่องความรุนแรงที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีได้ให้คำสั่งให้ฆ่าลูกชายของเขาเปาโล ดูเตอร์เต ถ้าหากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด ยาเสพติดระหว่างประเทศ

ดูเตอร์เต ลั่นต่อหน้าทหาร “เอาปืนมายิงผมได้เลย ถ้าผมกลายเป็นเผด็จการ”

 

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา ดูเตอร์เต ได้ออกคำสั่งต่อหน้าทหารว่า “ถ้าหากผมกลายเป็นเผด็จการ เมื่อหมดวาระแล้วยังไม่ยอมก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี แม้จะเกินมาแค่วันเดียว ก็ให้เอาปืนมายิงผมได้เลย ผมพูดจริงไม่ได้พูดเล่น” พร้อมกล่าวว่า “ขอให้กองทัพทหารและตำรวจฟิลิปปินส์อย่ายอมให้ผมหรือว่าใครคนใดก็ตามมาทำลายรัฐธรรมนูญ ” อ้างอิงจากจากรายงานของสำนักข่าว รัสเซีย ทูเดย์(RT)

 

ดูเตอร์เตกล่าวว่า “ปกป้องประชาชนคือหน้าที่ของพวกคุณ” เขายังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันรัฐธรรมนูญกำหนดให้ประธานาธิบดีอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 6 ปี และดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 1 วาระ แต่สำหรับทหารและตำรวจแล้วการพิทักษ์ไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญถือเป็น “ภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์”

ทั้งนี้ ดูเตอร์เตจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2022 แต่พรรคฝ่ายค้านของฟิลิปปินส์กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นไปเพื่อแก้กฎหมายให้เอื้อต่อการปกครองประเทศในระยะยาวของเขา แต่สำหรับประเด็นนี้เขาได้ออกมาปฏิเสธหลายครั้งว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงว่าผมจะเป็นเผด็จการ ผมไม่ได้ต้องการจะเป็นและผมไม่ชอบระบอบเผด็จการ”

 

 

 

ขอบคุณที่มา China Xinhua News