- 20 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
กลุ่มเคิร์ดวายพีจี ได้บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลซีเรีย ในการที่กองทัพซีเรียจะลำเลียงกำลังพลและสรรพาวุธเข้ามายังเมืองอาฟริน ที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศ ภายในอีก 1-2 วันข้างหน้า เพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มวายพีจี ในการต่อสู้กับกองทัพตุรกี
การเดินหน้าเปิดปฏิบัติการช่อมะกอก ของกองทัพตุรกี กับกลุ่มกองกำลังป้องกันตนเองชาวเคิร์ด หรือวายพีจี ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา
แต่ถึงเวลานี้สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เมื่อทางด้าน นายบาดรัน เจีย เคิร์ด ที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของกองกำลังป้องกันตนเองชาวเคิร์ด หรือวายพีจี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย หรือ เอสดีเอฟ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกลุ่มเคิร์ดวายพีจี ได้บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลซีเรีย ในการที่กองทัพซีเรียจะลำเลียงกำลังพลและสรรพาวุธเข้ามายังเมืองอาฟริน ที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศ ภายในอีก 1-2 วันข้างหน้า เพื่อให้ความช่วยเหลือกลุ่มวายพีจี ในการต่อสู้กับกองทัพตุรกีซึ่งปฏิบัติการทางทหารข้ามพรมแดนเข้ามายังพื้นที่ของซีเรีย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา
จากการเปิดเผยดังกล่าวออกมา ทำให้หลายฝ่ายรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันจะสร้างความซับซ้อนในสถานการณ์ของซีเรียมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก พื้นที่ทางตอนเหนือของซีเรียนั้นมีกองกำลังหลายฝ่ายปักหลักอยู่ ทั้งกองทัพซีเรีย กองทัพรัสเซีย หน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียอีกหลายกลุ่ม
นอกเหนือจากการข้ามพรมแดนของกองทัพตุรกี ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่ารัฐบาลรัสเซีย เองก็อาจจะไม่พอใจกับความเคลื่อนไหวครั้งนี้มากนัก เนื่องจากจะกลายเป็น อุปสรรค ต่อความร่วมมือกับตุรกีในประเด็นซีเรีย และที่สำคัญ กลุ่มเคิร์ดวายพีจี เองที่ผ่านมาก็มีแนวคิดทางการเมืองคนละขั่วกับทางด้านประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด
แต่ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของวายพีจี ให้ข้อมูลว่าความร่วมมือระหว่างกองกำลังเคิร์ดกับฝ่ายรัฐบาลในครั้งนี้เป็นคนละประเด็นกับเรื่องการเมือง ที่ทั้งสองฝ่ายยังคงมีจุดยืนแตกต่างกัน เกี่ยวกับอนาคตของประธานาธิบดีบาซาร์ อัล อัสซาด โดยที่ผ่านมานั้นทางด้านกองทัพซีเรียและวายพีจีหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงในการสู้รบมาตลอด แต่ผู้นำซีเรียยืนยันว่าเขาต้องการแผ่นดินทั้งหมดของซีเรียกลับคืนมา ดังนั้นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่ง ทำให้ทั้งสองจึงหันหน้ามาจับมือกันเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากตุรกี ที่จะเข้ามารุกล้ำชายแดนนั่นเอง
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมานั้นทางด้านกองกำลังป้องกันตนเองชาวเคิร์ด หรือวายพีจี ได้ร้องขอให้กองทัพซีเรียเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนให้รอดพ้นจากการโจมตีทางทหาร และการยึดครองของรัฐบาลตุรกี ซึ่งเวลานั้นทางด้านรัฐบาลซีเรีย ไม่ได้แสดงท่าทีตอบสนองกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ซึ่งที่ผ่านมานั้นทางด้านกลุ่มกองกำลังป้องกันตนเองชาวเคิร์ด หรือวายพีจี ได้รับการสนับสนุนจากทางด้านสหรัฐฯ และพันธมิตร ดังนั้น เมื่อทางสหรัฐฯ ได้ประกาศแนวคิดจัดตั้งกองกำลังประจำการตามแนวพรมแดนทางเหนือของซีเรียที่ติดกับภาคใต้ของตุรกี โดยจะมีกำลังพลมากถึง 30,000 คน และส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของวายพีจี กองกำลังนักรบชาวเคิร์ดที่สหรัฐฯ สนับสนุน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางด้านผู้นำซีเรีย เองก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าไล่ขยี้กลุ่มก้อนที่ทางสหรัฐฯ ได้สร้างขึ้นเช่นกัน แต่ทว่าทางด้านผู้นำตุรกี อย่างประธานาธิบดีเรเซป เตอร์ยิป เออร์โดกัน ได้ดำเนินการเปิดปฎิบัติการช่อมะกอก เดินหน้าจัดการก่อน และใช้กองกำลังทั้งทางบก และทางอากาศในการเดินหน้าไล่จัดการกับกลุ่มวายพีจีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งที่สร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำซีเรีย คือการใช้กองกำลังทหาร รุกล้ำชายแดนเข้ามาในประเทศซีเรียนั่นเอง