- 27 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
พิษภัยของบุหรี่ที่ถือว่าเป็นสารเสพติดให้โทษต่อผู้สูบและส่งผลกระทบไปยังผู้คนรอบข้างที่ได้รับควันบุหรี่มือสองและมือสาม แต่ยังมีผู้สูบจำนวนไม่น้อย ที่ต้องการจะเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง สสส. ขอแนะนำ 5 ตัวช่วยเลิกบุหรี่ ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง มาดูกันว่าตัวช่วยที่ว่านี้มีอะไรบ้าง
ตัวช่วยที่ 1 แอปพลิเคชัน “ไทยไร้ควัน”
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ จัดทำขึ้น แอปพลิเคชัน “ไทยไร้ควัน” เพื่อสนับสนุนการให้บริการเลิกบุหรี่ ภายใต้คอนเซปต์คือ “ชี้นำทางสร้างกำลังใจ ให้ความช่วยเหลือ” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการส่งเสริมให้คนสามารถเลิกบุหรี่ได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัยต่อสุขภาพ
ตัวช่วยที่ 2 อาหาร
อาหารที่ทำให้ลดความอยากบุหรี่ แบ่งเป็น 5 ประเภท คือ
1. ผัก, ผลไม้ที่มีวิตามินซี เช่น มะนาว, ส้ม, ฝรั่ง และเสาวรส เนื่องจากผลไม้รสเปรี้ยวจะช่วยลดความอยากนิโคตินได้ และยังช่วยฟื้นฟูร่างกายที่ทรุดโทรมให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า จึงมีการนำมาใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในการเลิกบุหรี่
2. ถั่ว, ไข่, อกไก่ ช่วงที่เลิกสูบบุหรี่ ผู้เลิกสูบจะมีอาการอยากสูบ ลงแดง ซึมเศร้า เพราะสารจากบุหรี่มีการเข้าไปรบกวนเคมีในสมองที่มีชื่อว่า ‘ซีโรนิน’ ซึ่งถั่ว ไข่ และอกไก่ สามารถสร้างซีโรนินได้ ดังนั้นถ้ากินเข้าไปแล้วจะช่วยให้ผลข้างเคียงที่เกิดจากการเลิกบุหรี่ลดลงได้
3. นมวัว สามารถทำให้ผู้สูบเบื่อบุหรี่ได้ ควรดื่มทุกวัน เพราะนมวัวสามารถซ่อมแซมกระดูกได้ด้วย แต่ถ้าหากใครแพ้นมวัวหรือดื่มแล้วท้องเสียก็ดื่มนมเปรี้ยวแทนได้เช่นกัน
4. น้ำเปล่า น้ำสะอาดมีคุณสมบัติช่วยขจัดสารพิษและของเสียออกจากร่างกายอยู่แล้ว หากรู้สึกอยากบุหรี่ก็ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้ร่างกายได้ขับสารพิษ และขับของเสียออกมา ควรดื่มอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อร่างกายที่สดชื่นขึ้นอีกด้วย
5. ปลา มีทั้งปลาน้ำจืดและปลาทะเล มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบจากพิษบุหรี่ในร่างกายได้ ในเนื้อปลามีแอล-อาร์จินีน เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ช่วยในการขยายหลอดเลือดให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
ตัวช่วยที่ 3 หาที่ปรึกษา
สามารถขอคำปรึกษากับคนรู้จักที่เลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ หรือโทรไปที่ ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ (Thailand National Quitline) สายด่วน โทร.1600 ฟรีทุกเครือข่าย
ตัวช่วยที่ 4 สมุนไพร
พืชสมุนไพรที่ทำให้ลดความอยากสูบหรี่ลงได้ มีทั้ง
โปร่งฟ้า สมุนไพรพื้นบ้านของไทยที่มีรสหวานปะแล่ม เมื่อกินเข้าไปจะทำปฏิกิริยากับต่อมรับรส เมื่อสูบบุหรี่หลังจากเคี้ยวใบโปร่งฟ้าไปแล้ว รสชาติของบุหรี่จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ผู้สูบบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และในที่สุดก็จะทำให้ไม่อยากสูบบุหรี่ไปเอง ซึ่งหากคุณตั้งใจที่จะเลิกบุหรี่ สามารถนำใบโปร่งฟ้าสด 1-2 ใบ มาเคี้ยวทุกครั้งที่รู้สึกอยากสูบบุหรี่
กานพลู สมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหยเป็นของตัวเอง ซึ่งน้ำมันหอมระเหยตัวนี้จะช่วยทำให้ประสาทสงบ มีฟีโนลิก ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บรรเทาอาการไอ และยังช่วยระงับกลิ่นปากไปด้วยในตัว เมื่อนำดอกกานพลูแห้งมาอมจะช่วยลดความอยากบุหรี่ได้
หญ้าดอกขาว สามารถลดการสูบบุหรี่ลงได้มากกว่ากลุ่มยาควบคุมการสูบบุหรี่ซะอีก นอกจากนี้หญ้าดอกขาวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง ช่วยลดคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่คั่งค้างในปอดลงอย่างชัดเจน ปัจจุบันหญ้าดอกขาวได้ถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2555 และหาซื้อหญ้าดอกขาวในรูปแบบชงดื่มได้แล้ว
ตัวช่วยที่ 5 ออกกำลังกาย
คนที่อยากเลิกบุหรี่ การหันมาออกกำลังกายก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ควรทำควบคู่ไปด้วย อย่างการออกกำลังกายประเภท ‘แอโรบิก’ ที่มีความต่อเนื่อง เช่น เดิน วิ่งเหยาะๆ วิ่งทางไกล ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน กระโดดเชือก หรือเต้นแอโรบิก ฯลฯ สามารถช่วยให้คนสูบบุหรี่ สูบน้อยลงจนถึงขั้นเลิกบุหรี่ได้
ผศ.กรองจิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้บอกเคล็ดลับสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ไว้ว่า การเลิกบุหรี่ต้องใช้ความอดทนไปพร้อมๆ กับความตั้งใจ ซึ่งระยะเวลาของความอดทนทั้งหมดคือ 14 วัน หรือ 1 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าผู้สูบเคยสูบมากหรือน้อย หากสูบมากก็ต้องใช้เวลาปรับพฤติกรรม และอดทนอย่างน้อย 1 เดือน แต่ถ้าสูบไม่มาก อย่างน้อยก็ใช้เวลาเพียง 7 วัน และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ไม่ควรสูบเวลาที่เคยสูบ ไม่สูบในที่ที่เคยสูบ ความรู้สึกอยากสูบบุหรี่จะเหมือนกับคลื่นน้ำที่มาเป็นระลอก หากเราอดทนได้ 3-5 นาที ในช่วงเวลาที่มีอาการดังกล่าว เมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไปความรู้สึกอยากสูบก็ก็จะหายไป
“เมื่อตั้งใจเลิกบุหรี่ อย่าคิดอะไรมาก ควรเริ่มจากเลิกทีละมวน สู้ทีละวัน ไม่ต้องจำว่าเลิกมากี่วันแล้ว ถ้าวันนี้ชนะได้ ทุกวันก็ชนะบุหรี่ได้” ผศ.กรองจิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ให้กำลังใจผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่
ขอบคุณบทความจาก www.ashthailand.or.th (มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่) และ ผศ.กรองจิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ VIA สสส.
