เกาะติดสงครามโลก!! เวียดนาม จีน แบ่งผลประโยชน์ทะเลจีนใต้ลงตัว สหรัฐฯ หมดหวังเป็นตาอยู่แทรกกลางแย่งผลประโยชน์

พื้นที่ทะเลจีนใต้ ที่ก็มีความขัดแย้งมานานหลังจากที่จีนนั้นได้ประกาศครอบครองพื้นที่แห่งนี้แต่เพียงผู้เดียว แม้จะมีประเทศที่เป็นคู่พิพาท แต่ทว่าจีนก็เดินหน้าเจรจาแบบทวิภาคี และแบ่งผลประโยชน์อย่างลงตัว ทำให้คู่พิพาทโดยตรงนั้นแทบจะไม่แสดงออกหรือ สร้างนโยบายใด ๆ มาขัดแย้งกับทางด้านจีน มีเพียงแต่สหรัฐฯ ที่ประกาศชัดว่าพื้นที่ทะเลจีนใต้เป็นพื้นที่สากล จีนจะครอบครองเพียงผู้เดียวไม่ได้  แม้จีนจะเข้าไปถมทะเล สร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง แต่สหรัฐฯ เองก็ยังคงเดินหน้าคัดค้านและ ได้ดำเนินการแล่นเรือเข้าไปในพื้นที่ 12 ไมล์ทะเลอย่างต่อเนื่องเพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับกับสิ่งที่จีนทำ  นอกจากนั้นแล้วสหรัฐฯ ยังคงได้ไปจับมือกับ 4 ประเทศ เพื่อสร้างนโยบายต่อต้านจีนอย่างจริงจัง นั่นคือ ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และล่าสุดก็มีทางด้านอังกฤษ อีกประเทศที่แสดงออกถึงการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ที่จะเดินหน้าคัดค้านเรื่องดังกล่าวเช่นกัน

 

 

 

 

หลังจากในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาทางด้านสหรัฐฯ ได้นำเอาเรือพิฆาตมัสติน (USS Mustin, DDG 89) เข้ามาในน่านน้ำดังกล่าวโดยพลการ ก่อนจะมีเรือรบ 2 ลำของจีนขับไล่ออกไป  โดยเรือพิฆาตลำดังกล่าวได้แล่นเฉียดเข้าใกล้เกาะเทียมของจีนในทะเลจีนใต้เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2561  ที่ผ่านมา

 

 

สัปดาห์นี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอย่างยิ่งเมื่อเวียดนามและจีนให้คำมั่นรักษาสันติภาพในทะเลจีนใต้ น่านน้ำที่เป็นชนวนพิพาทมายาวนาน ระหว่าง 2 ประเทศคอมมิวนิสต์เพื่อนบ้าน 
    นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายฟาม บินห์ มินห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม ภายหลังการพบหารือในกรุงฮานอย เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 1 เมษายน 2561 ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันว่า การแก้ไขประเด็นทางทะเลมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ต่อความราบรื่นและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งสองฝ่ายควรยึดหลักการปกครองพื้นฐาน ในการแก้ไขประเด็นทางทะเล

 

 

 

ส่วนนายฟาม บินห์ มินห์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม เรียกร้องให้แก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี เวียดนามพร้อมที่จะทำงานกับจีน เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายควรจัดการความคิดเห็นแตกต่างอย่างเหมาะสม ไม่ขยายความขัดแย้ง นอกจากนั้นยังควรเคารพสิทธิตามกฎหมาย และผลประโยชน์ของอีกฝ่าย ตามกฎหมายระหว่างประเทศ

 

ถ้าดูจากการพบหารือกันครั้งนี้จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง จีน-เวียดนาม มีพัฒนาการในทางบวก มูลค่าการค้าและการลงทุนสูงขึ้น ขณะที่ 2 ประเทศเพื่อนบ้านต่างเปิดตลาดให้อีกฝ่ายมากขึ้น ส่งผลให้มูลค่าการค้าทวิภาคีเมื่อปีที่แล้ว สูงผ่านหลัก 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

 

ดังนั้นการที่ทั้งสองประเทศประกาศจะร่วมมือกันรักษาสันติภาพในทะเลจีนใต้ ก็นั่นหมายความว่าทั้งสองจะต้องตกลงทวิภาคีในการพัฒนาพื้นที่ทางทะเลร่วมกัน จัดสรรแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันอย่างสมดุล และ ลงตัว ซึ่งแน่นอนว่าสถานการณ์ดังกล่าวนั้นอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับสหรัฐฯ เพราะที่ผ่านมาหลังจากที่เบนเข็มจากการใช้ฟิลิปปินส์ ในการสร้างความขัดแย้งกับจีน ก็หันมาหาเวียดนาม ในการที่จะหนุนให้เวียดนามนั้นปกป้องผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นระหว่างจีน ถึงขนาดที่ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ บินมาที่เวียดนามเองแล้วครั้งหนึ่ง และ แสดงความจำนงแบบตรง ๆ ไม่มีปิดบังว่าต้องการที่จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเจรจาข้อพิพาททะเลจีนใต้ระหว่างเวียดนาม กับ จีน แต่ทว่าวันนั้นไม่ได้รับการตอบรับจากเวียดนาม ซ้ำร้ายกว่านั้นพอคล้อยหลังทางด้านผู้นำสหรัฐฯ สื่อของจีน และเวียดนามต่างก็ตีข่าว ตรงกันว่า ทางด้านเวียดนาม กับจีนได้ตกลงในการที่จะบริหารจัดการผลประโยชน์ในพื้นที่พิพาทร่วมกัน โดยไม่ต้องอาศัยมือที่ 3 เข้ามาช่วยแต่อย่างใด ดังนั้นชัดเจนว่า วันนี้สหรัฐฯ ยากที่จะเข้าไปแทรกแซงในพื้นที่ทะเลจีนใต้ผ่านประเทศคู่ขัดแย้งกับจีน หากจะเข้าไป มีทางเดียว ก็ยั่วยุด้วยตนเอง จนท้ายที่สุดจีนทนไม่ได้ และเกิดการเผชิญหน้า ถึงเวลานั้นก็สมใจอยากสหรัฐฯ