สะเทือนใจ ฮ่องกงลดธงครึ่งเสาเริ่มไว้อาลัยเหยื่อไฟไหม้

บรรยากาศทั่วเมืองเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เมื่อรัฐบาลฮ่องกงประกาศเริ่มต้น ช่วงเวลาไว้อาลัยเป็นเวลา 3 วัน ในวันที่ 30 พฤศจิกายน เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต จากเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ซึ่งถูกระบุว่าเป็น เหตุการณ์ไฟไหม้ที่คร่าชีวิตประชาชนมากที่สุดในรอบกว่า 70 ปีของฮ่องกง

พิธีไว้อาลัยจัดขึ้นที่หน้าสำนักงานรัฐบาลกลาง โดย นายจอห์น ลี ผู้นำสูงสุดของฮ่องกงเป็นผู้ประกาศเริ่มพิธี พร้อมนำเจ้าหน้าที่ระดับสูงร่วมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 3 นาที ขณะที่ ธงชาติจีนและธงเขตปกครองพิเศษฮ่องกงถูกลดลงครึ่งเสา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความอาลัยต่อเหยื่อเพลิงไหม้ครั้งนี้

 

เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความเคารพ รัฐบาลได้จัดตั้ง จุดวางดอกไม้และสมุดลงนามแสดงความเสียใจ ตามสถานที่สำคัญหลายแห่งทั่วเกาะ มีชาวเมืองจำนวนมากทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัยตั้งแต่ช่วงเช้า

โศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นที่ กลุ่มอาคารหวังฟุก คอร์ท ในเขตต่ายโป ซึ่งเป็นคอมเพล็กซ์ที่พักอาศัยสูงหลายอาคารที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2526 โดยภายในเวลาอันรวดเร็ว ไฟลุกลามไปยังอาคารสูงรวม 7 หลังจากทั้งหมด 8 หลัง มีผู้อยู่อาศัยกว่า 4,600 คนต้องอพยพหนีไฟ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 2,000 นาย ถูกระดมกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ ใช้เวลาร่วมสองวันกว่าจะดับไฟได้สำเร็จ

รายงานเบื้องต้นระบุว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 128 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 83 ราย ขณะที่ยังมีบุคคล สูญหายมากกว่า 150 ราย ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีกในระยะต่อไป

เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยอาคารชี้ว่าไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริเวณผนังนอกของอาคารมีการติดตั้ง วัสดุไวไฟ เช่น โฟมโพลิสไตรีน รวมถึงมี ตาข่ายพลาสติกบนโครงนั่งร้านไม้ไผ่ ครอบคลุมทั่วอาคาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไฟกระจายตัวในแนวตั้งอย่างรวดเร็ว สร้างข้อถกเถียงอย่างหนักเกี่ยวกับมาตรฐานการก่อสร้างและการใช้วัสดุเก่าในอาคารที่มีผู้อยู่อาศัยจำนวนมาก

หน่วยงานอิสระต่อต้านการทุจริตของฮ่องกงได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 8 ราย ในข้อหาเกี่ยวข้องกับการทุจริตด้านการปรับปรุงอาคาร ซึ่งรวมถึงผู้บริหารบริษัทวิศวกรรมและผู้รับเหมางานนั่งร้าน โดยก่อนหน้านี้ตำรวจยังจับกุมผู้ต้องสงสัยอีก 3 ราย ในข้อหา

รัฐบาลประกาศว่าจะดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างอาคารเก่าและมาตรการความปลอดภัยของงานก่อสร้างอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
 

แหล่งที่มาอ้างอิง

https://www.nzherald.co.nz/